12 จุดชาร์จรถไฟฟ้า Evolt ในห้างสรรพสินค้า Big C มีที่ไหนบ้าง เช็กเลย!
อัปเดตเลยให้ไว! 12 จุดชาร์จรถไฟฟ้า หรือ EV Charger Station จาก Evolt ที่มีให้บริการในห้างสรรพสินค้า Big C Supercenter สรุปให้ครบทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตอบโจทย์สายช้อปโดยเฉพาะ สถานีไหนมีหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหนบ้าง มีครบทั้งแบบ AC และ DC Charger หรือไม่ เช็กเลยก่อนใคร!
เลือกอ่านได้เลย

อัปเดตล่าสุด 12 จุดชาร์จรถไฟฟ้า ที่ห้างสรรพสินค้า Big C (บิ๊กซี)
รวมจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charging Station ของทาง Evolt Technology ที่มีให้บริการในพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า Big C Supercenter ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยหัวชาร์จที่มีให้บริการในตอนนี้คือ AC Type 2 หรือ การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ ที่มีกำลังไฟอยู่ที่ 22 kWh โดยอัตราค่าบริการ จะอยู่ที่ราคา 9 บาท/kWh + 9 บาท/ชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกรุ่น ที่รองรับการชาร์จในรูปแบบนี้ โดยในปัจจุบันมีสถานีชาร์จของอีโวลท์ทั้งหมด 9 แห่ง ได้แก่
- Big C สาขา ราชดำริ
- Big C สาขา มหาชัย 1
- Big C สาขา อิสรภาพ
- Big C สาขา รัตนาธิเบศร์ 2 นนทบุรี
- Big C สาขา สะพานควาย
- Big C สาขา อ้อมใหญ่
- Big C สาขา รังสิต คลอง 6
- Big C สาขา สมุทรปราการ
- Big C สาขา สำโรง 2 สมุทรปราการ
- Big C สาขา บางปะกอก
- Big C สาขา พระราม 2
- Big C สาขา พระราม 4
ทั้งนี้ พื้นที่ให้บริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะมีให้บริการที่ลานจอดรถของทางห้างสรรพสินค้า Big C Supercenter ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถจองสถานีชาร์จได้ผ่านทาง Application Evolt พร้อมทั้งใช้งานได้ผ่านทางแอปฯ โดยตรง หรือหากใครที่มีบัตรสมาชิกหรือบัตร RFID ก็สามารถควบคุมการชาร์จไฟได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มชาร์จหรือหยุดชาร์จ รวมถึงการชำระเงินที่ตู้ชาร์จไฟทุกสถานีของอีโวลท์

จะอยู่ไหนก็ใช้ EV Charger ได้ทันที แค่มีแอปฯ Evolt
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ๆ ก็ตาม สามารถสมัครสมาชิกและลงทะเบียน เพื่อใช้บริการ EV Charger Station ได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย เพราะในปัจจุบันทางอีโวลท์ได้ขยายพื้นที่ให้บริการอย่างครอบคลุม เพื่ออำนวยความสะดวกของผู้ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกให้มากขึ้น ซึ่งในบางพื้นที่สามารถใช้บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้าได้ฟรี อาทิ จุดให้บริการของ Partner จากทาง Evolt
นอกจากนี้ แอปชาร์จรถไฟฟ้า Evolt ยังครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการตรวจสอบข้อมูลสถานีชาร์จแต่ละพื้นที่ ราคาค่าบริการ รวมถึงการจองจุดชาร์จรถไฟฟ้าก่อนเดินทางไปถึง เช่น หากเข้าไปใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้า Big C Supercenter ทั้ง 12 แห่ง ก็สามารถไปเดินช้อปปิ้งหรือทำธุระต่าง ๆ ได้ที่ศูนย์การค้า ขณะที่รอชาร์จรถได้อีกด้วย ที่สำคัญคือ สามารถตรวจเช็กสถานะการชาร์จไฟได้ผ่านทางแอปฯ โดยตรง

มั่นใจได้มากกว่า ด้วยจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั่วไทย!
เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV ในเมืองไทย รวมถึงจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น ทาง Evolt Technology ก็ได้มีการเดินหน้าขยายสถานีชาร์จอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้บริการ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าประเภทใด ก็สามารถเข้าถึงบริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายในทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น
และอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การเพิ่มหัวชาร์จ DC Charger ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น รวมถึงในพื้นที่ที่เป็นถนนสายหลักให้มากขึ้น เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานรถยนต์อีวีที่มีเวลาจำกัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่มักจะมีจำนวนผู้ใช้งานที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว จนบางครั้งหัวชาร์จ AC Charger อาจจะไม่เพียงพอ
ในปัจจุบันทาง Evolt ได้มีการขยายพื้นที่ให้บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้าไปแล้วกว่า 240 สถานี มีหัวชาร์จประเภท AC Charger กว่า 550 หัวจ่าย และประเภท DC Charger อีกกว่า 80 หัวจ่าย โดยพื้นที่ให้บริการมีทั้งในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน โรงแรมในภาคต่าง ๆ เช่น ภาคใต้ และที่ขาดไม่ได้คือ ศูนย์บริการรถยนต์ที่ทำตลาดรถ EV ในเมืองไทย เช่น Volvo

ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ด้วยการลงทุนทำธุรกิจสถานีชาร์จกับ Evolt
จากการเติบโตของตลาดรถ EV ในเมืองไทย จะเห็นได้เลยว่า ในปัจจุบันนี้เจ้าของธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กอย่าง SMEs ต่างก็หันมาลงทุนทำ ธุรกิจสถานีชาร์จรถไฟฟ้า กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอีกทางหนึ่งได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากกว่า เช่น มีผู้ใช้บริการมากขึ้น และเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า การเลือกติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือการเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับทาง Evolt นอกจากจะที่คุณจะได้โมเดลทางธุรกิจที่ครอบคลุมแล้ว การติดตั้งและออกแบบพื้นที่ให้บริการ ยังอยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมของทีมงานที่มากประสบการณ์ มีทีมวิศวกรที่ผ่านการรับรองเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ทุกครั้ง
และที่สำคัญคือ มีมาตรฐานในการติดตั้งที่จาก ERC, MEA และ PEA ด้วยบริการแบบ One Stop Service ที่มีความครอบคลุมในการให้บริการสำหรับผู้ใช้รถ เช่น ระบบ Admin Panel ที่ดูแลและบริหารจัดการสถานีชาร์จได้อย่างง่ายดาย ระบบการกำหนดอัตราค่าบริการ หรือค่าชาร์จไฟได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ หากเจ้าของธุรกิจท่านใดที่อยากทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ก็สามารถจัดทำได้ด้วยระบบ CRM เพื่อดึงดูดให้มีผู้ใช้บริการมากขึ้น เช่น กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงแรม และที่พัก
ทั้งนี้ หากผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่อยากติดตั้ง Home Charger ที่บ้าน ก็สามารถเลือกใช้บริการหรือติดตั้งร่วมกับทาง PlugHaus Thailand ได้เช่นกัน โดยจะมีทีมงานที่ให้ข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด ทั้งแบรนด์และรุ่นที่เหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน รวมถึงระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อให้คุณได้ใช้งานเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน และที่สำคัญคือ สามารถกำหนดงบได้ด้วยตัวเอง