ข้อดีของโมเดล EV Fleet สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่ง
ในปัจจุบันเชื่อว่ามีหลาย ๆ ธุรกิจ ที่เริ่มมองหาแนวทางสำหรับการลดต้นทุนในธุรกิจกันมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ Sustainability Trend หรือเทรนด์ด้านความยั่งยืน มีบทบาทในการดำเนินกิจการของธุรกิจยุคใหม่ เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่ง ที่เริ่มหันมาใช้โมเดล EV Fleet กันมากขึ้น ด้วยการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ดังนั้น ทาง Evolt Technology จะพาคุณมาดูกันว่า การเปลี่ยนมาใช้ EV Fleet Charging ในธุรกิจมีข้อดีอย่างไร จะคุ้มค่าหรือไม่หากเปลี่ยนมาใช้รถฟลีท
เลือกอ่านตามหัวข้อ

เปลี่ยนมาใช้ EV Fleet ด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดียังไง?
ข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้ EV Fleet หรือใช้รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการดำเนินกิจการของธุรกิจยุค Green Trends ไม่ได้มีข้อดีเฉพาะการลดต้นทุนในระยะยาวของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีในด้านอื่น ๆ อีกมาก ดังนี้
1. จัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ง่ายมากขึ้น
การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Fleet ในธุรกิจโลจิสติกส์ จะสามารถจัดการต้นทุนและบริหารค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น เพราะธุรกิจไม่ต้องเสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่า Maintenance สำหรับรถยนต์สันดาป แต่ข้อจำกัดของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการดำเนินกิจการ คือต้นทุนในช่วงแรกสำหรับการเปลี่ยนผ่านมาสู่การใช้รถ EV เท่านั้น เพราะในปัจจุบันรถ EV ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ถือว่ามีราคาสูงกว่ารถทั่วไปพอสมควร
เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนมาใช้รถฟลีทสำหรับการประกอบกิจการ จึงต้องทำควบคู่ไปกับการบริหารและการจัดการ EV Fleet Management อย่างเหมาะสม เพื่อให้ใช้งานยานยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระและค่าใช้จ่ายภายในองค์กรได้จริง ซึ่งอาจจะเริ่มจากการเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีการใช้งานรถเป็นจำนวนมาก ๆ หรือในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นก่อน หลังจากนั้นค่อยเริ่มขยายการใช้งานรถ EV ในเชิงพาณิชย์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
ดังนั้น หากต้องการจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในด้านโลจิสติกส์ หรือการขนส่งให้ลดน้อยลงอย่างเป็นรูปธรรม จึงต้องมีการวางแผน EV Fleet ในระยะยาวอย่างถูกวิธี มีการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการลงทุนติดตั้ง EV Fleet Charging Station ในองค์กร เพื่อใช้สำหรับการชาร์จไฟโดยเฉพาะ โดยไม่ต้องไปชาร์จไฟตามสถานีชาร์จสาธารณะหากไม่จำเป็น และอาจต้องวางแผนการใช้พลังงานควบคู่ไปกับการชาร์จไฟในช่วงเวลา On – Peak และ Off – Peak อย่างมีระบบด้วยเช่นกัน

2. ควบคุมการใช้งานยานพาหนะได้ง่ายมากขึ้น
สำหรับธุรกิจที่มีการใช้ยานยนต์ในการดำเนินกิจการในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจอื่น ๆ ด้วย เช่น ผู้ให้บริการรถเมล์สาธารณะ, รถบัสไฟฟ้า หรือแม้แต่รถที่ใช้สำหรับรับ – ส่ง พนักงานในองค์กร ซึ่งการเลือกใช้โมเดล EV Fleet จะช่วยให้บริหารและควบคุมการใช้ยานพาหนะได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ภายใต้การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในองค์กร
อาทิ การติดตั้ง EV Charger ที่มีระบบ RFID (Radio Frequency Identification) หรือการกำหนดผู้ที่สามารถใช้เครื่องชาร์จได้ ช่วยลดปัญหาการใช้ยานยนต์สำหรับกิจธุระส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวข้องในการทำงาน เป็นต้น ซึ่งการติดตั้งสถานีชาร์จรถ Fleet Solutions ยังสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จประเภท DC Charger หรือการชาร์จด่วนได้เช่นกัน เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงเวลาเร่งด่วนได้มากขึ้น
แน่นอนว่า เจ้าของธุรกิจที่เปลี่ยนมาใช้ระบบ EV Fleet Solutions ยังสามารถพัฒนา Dashboard ไปพร้อม ๆ กันกับการใช้งานรถได้ อาทิ ตำแหน่งของรถ เส้นทางการเดินรถ อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยทำให้การบริหารงานในด้านการขนส่งมีระบบมากขึ้นเช่นกัน

3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ผลักดันให้เป็นธุรกิจสีเขียว
แน่นอนว่า จากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น จนส่งผลให้มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability Trend for Business) ภายใต้แนวคิด ESG นั้น ย่อมทำให้หลาย ๆ บริษัทนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ขององค์กรมากขึ้น เพื่อผลักดันให้เป็นธุรกิจสีเขียว (Green Business) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นมิตรต่อสังคมในหลาย ๆ มิติ ซึ่งเทรนด์ธุรกิจสีเขียวนี้ถือเป็นทิศทางสำคัญที่องค์กรทั่วโลกเริ่มผลักดันกันมากขึ้น และเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวเช่นกัน
และหากลองสังเกตจากเทรนด์ของผู้บริโภคในยุค Green Trends นี้แล้ว จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคและนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน อาทิ การเลือกลงทุนกับธุรกิจที่มีความโปร่งใสในการดำเนินกิจการ ด้วยแนวคิดของ ESG Model รวมถึงผลักดันให้คนยุคใหม่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์สันดาปในหลาย ๆ ธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือ Grab EV Rides ที่ในปี 2567 มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 200% ซึ่งก็เป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ได้เช่นกัน ว่าในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเลือกใช้บริการธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีภาพลักษณ์ที่ดีของการเป็นธุรกิจสีเขียว
เพราะฉะนั้น การเลือกใช้โมเดล EV Fleet จึงเป็นการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนอีกหนึ่งโมเดล ที่ธุรกิจยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนให้กับองค์กรได้แล้ว ยังช่วยให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจดียิ่งขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการเป็นกลุ่มธุรกิจยั่งยืน หรือ Sustainable Business ที่สามารถชนะใช้ผู้บริโภคในยุคใหม่ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นการแสวงหากำไร เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทเพียงอย่างเดียว ก็สามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้
และในอนาคตประเทศไทยเองก็น่าจะมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมา เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งก็เป็นโอกาสทางธุรกิจของหลาย ๆ อุตสาหกรรมเช่นกัน ที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และยังเป็นการปรับตัวเพื่อรองรับกฎหมายและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเข้มงวดขึ้นในอนาคต ทั้งธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า, พลังงานสะอาด, อาคารสีเขียว, โลจิสติกส์และการขนส่ง ตลอดจนกลุ่มเทคโนโลยี ที่ก็ให้ความสำคัญต่อการเป็นธุรกิจสีเขียวเช่นกัน

บริการ EV Fleet Solutions สำหรับธุรกิจสีเขียวจาก Evolt
ทาง Evolt Technology เป็นผู้ให้บริการด้านการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ครบวงจร สำหรับธุรกิจที่ต้องการติดตั้ง EV Charger ในพื้นที่ของตนเอง ด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่ให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ที่สามารถรองรับการให้บริการด้าน EV Fleet Solutions สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่งโดยเฉพาะ ทำให้รองรับการใช้งานรถ EV เชิงพาณิชย์ทุกประเภท สามารถออกแบบพื้นที่ติดตั้งพร้อมวางเส้นทางการเดินรถให้กับธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ด้วยทีมงานที่มากประสบการณ์ ที่จะช่วยทำให้การเปลี่ยนมาใช้ EV Fleet นั้นมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดสำหรับทุกธุรกิจ



