รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ปี 2025 เลือกรถ EV แบบไหนให้คุ้มมากที่สุด
การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV มาใช้งาน สิ่งที่ผู้ใช้รถต้องการรู้มากที่สุด คือ รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ที่ตอบโจทย์กับการใช้งาน และเหมาะสมกับงบประมาณที่มี โดยเฉพาะคนที่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก ที่ต้องมีการพิจารณาองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างร่วมกัน เช่น สเปกของรถยนต์ไฟฟ้า การรับประกันหลังการขาย การบำรุงรักษา และที่ขาดไม่ได้คือ สมรรถนะในการขับขี่ต่อการชาร์จไฟเต็มในแต่ละครั้ง เพราะฉะนั้น เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจกันว่า การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต้องดูอะไรบ้าง แล้วรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดีที่สุดต่อไลฟ์สไตล์ของคุณ
เลือกอ่านได้เลย

วิธีการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ให้เหมาะสมต่อการใช้งาน
ในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนที่ดี และตอบโจทย์ต่อการใช้งานมากที่สุด สิ่งที่ผู้ใช้งานต้องดูนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่สเปกของรถเท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทางอีโวลท์จะมาแนะนำแนวทางการเลือกซื้อรถยนต์ EV แบบง่าย ๆ ว่ามีอะไรบ้างที่ควรรู้ และควรนำมาเป็นแนวทางการพิจารณาก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน
1. ความจุของแบตเตอรี่ และระยะทางในการขับขี่
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดของการเลือกซื้อรถยนต์ EV คือ การดูความจุของแบตเตอรี่ ว่ารถที่สนใจมีความจุเท่าไหร่ สมรรถนะในการขับขี่เป็นอย่างไรบ้าง แล้วในการชาร์จแบตเต็ม 1 ครั้ง สามารถขับขี่ได้ไกลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งระยะทางที่สามารถขับขี่ได้แต่ละครั้ง สามารถอ้างอิงได้จากการทดสอบตามมาตรฐานระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท ซึ่งมาตรฐานการทดสอบที่นิยมมากที่สุดคือ NEDC, WLTP, CLTC และ EPA
- มาตรฐาน NEDC คือมาตรฐานรถยนต์ EV ของทางยุโรป ใช้ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา
- มาตรฐาน WLTP ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก NEDC ส่วนมากจะนิยมทดสอบควบคู่กัน
- มาตรฐาน CLTC เป็นมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน โดนจะใช้ 3 ความเร็วในการทดสอบ
- มาตรฐาน EPA ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา โดยจะทดสอบในห้องแลปทั้งหมด
หมายเหตุ : การทดสอบของมาตรฐานระยะทางรถยนต์ไฟฟ้า จะมีรูปแบบและตัวแปรในการทดสอบแตกต่างกัน หากต้องการเทียบรถยนต์ EV ควรดูผลการทดสอบที่ใช้มาตรฐานเดียวกันจะแม่นยำมากกว่า

2. สมรรถนะและฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า
การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบพลังงานแบบใด สิ่งที่ต้องพิจารณาเหมือน ๆ กันคือ สมรรถนะของการใช้งานรถยนต์ และฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถที่มี เช่น ระบบความปลอดภัย ระบบ Entertainment หรือแม้แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งรถยนต์ที่มีฟังก์ชันที่ครอบคลุม และมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ก็จะมาพร้อมกับราคาที่สูงมากขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องดูว่าฟังก์ชันเหล่านั้นได้ใช้งานมากน้อยแค่ไหน มีความจำเป็นหรือไม่กับไลฟ์สไตล์ของตนเอง
3. เงื่อนไขของการรับประกันหลังการขาย
ประเด็นที่พบกันได้บ่อยที่สุดในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คือ การรับประกันหลังการขาย ที่ไม่ได้ครอบคลุมแค่ตัวรถเท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมไปถึงแบตเตอรี่รถยนต์ด้วย ซึ่งการจะตัดสินใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดีได้ ก็ต้องดูจากการรับประกันตัวแบต เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้รถเอง อาทิ หากแบตเตอรี่มีปัญหาก็ควรเปลี่ยนแบตใหม่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตราบใดที่อยู่ในเงื่อนไขของประกันหลังการขาย และไม่ได้มีปัญหามาจากการใช้งานของเราเอง เพราะโดยส่วนมากแล้วราคาแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง หากมีการเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมแซม ฯลฯ ก็ควรมีการรับประกันหรือการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้รถด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าของรถอาจจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้เองในอนาคต
4. หัวชาร์จของรถยนต์ที่ใช้ และรูปแบบการชาร์จ
ในปัจจุบันรูปแบบการชาร์จไฟจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ AC และ DC Charging ซึ่งทั้งสองรูปแบบนี้จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของระยะเวลาในการชาร์จ หากเป็นการใช้งานทั่วไป ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบ ก็สามารถชาร์จแบบ AC เพื่อถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ ซึ่งปกติแล้วรถยนต์ EV จะรองรับการชาร์จทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่แล้ว โดยที่มีระยะเวลาที่แตกต่างกันตามความจุของแบต
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาร่วมด้วยก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คือ การเลือกหัวชาร์จ ซึ่งที่เจอได้บ่อยในรถ EV ที่จำหน่ายในเมืองไทย คือ AC Type 2, DC DDS2 และ DC CHAdeMO โดยรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นก็จะระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าใช้หัวชาร์จแบบไหนได้บ้าง ซึ่งการดูว่าหัวชาร์จเป็นแบบไหน ก็เพื่อให้เราสามารถเลือกใช้เครื่องชาร์จให้ตรงกับรถที่ใช้ได้ เช่น ตู้ชาร์จไฟของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของทาง Evolt ก็จะรองรับ Type 2 เป็นหลัก และมีทั้งการชาร์จ AC และ DC
5. ความน่าเชื่อถือของค่ายรถยนต์ และรีวิวจากผู้ใช้งาน
หนึ่งในวิธีที่จะทำให้รู้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี และช่วยให้ตัดสินใจในการเลือกซื้อรถได้ง่ายขึ้น คือการดูที่ความน่าเชื่อของค่ายรถยนต์ที่สนใจ ว่ามีมาตรฐานการผลิตมากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมามีข่าวคราวอย่างไรบ้าง หากผู้ใช้งานรถเจอปัญหาจากการใช้งานรถ ทางศูนย์บริการมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เจออย่างไร และที่ขาดไม่ได้คือ บริการหลังการขายเป็นอย่างไรบ้าง ผู้ใช้รถได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงหรือไม่ แล้วศูนย์บริการที่มีครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน เพราะในบางจังหวัดศูนย์บริการอาจจะไม่มีก็ได้ หากรถมีปัญหาแล้วต้องส่งซ่อมก็อาจจะใช้เวลารอนานตามไปด้วย
นอกจากนี้ การดูรีวิวของผู้ใช้งานก็ช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้เช่นกัน เพราะจะทำให้รับรู้ได้ว่า การใช้งานจริง ๆ ของรถรุ่นนั้น ๆ มีปัญหามากน้อยแค่ไหน การขับขี่เป็นอย่างไร ประสบการณ์ที่ได้รับจากทางศูนย์บริการดีหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนมากสามารถติดตามได้ตามกลุ่ม Facebook ของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีการแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ การรีวิวความคุ้มค่าในการใช้งาน หรือหากเจอปัญหาก็จะได้รับคำแนะนำจากสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ตัดสินใจได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหนดีไหม คุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่ แล้วข้อดี – ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนั้น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง เป็นต้น

แนะนำรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2025 มาใหม่ปีนี้
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่เปิดตัวและจำหน่ายในตลาดรถยนต์ EV ในเมืองไทย ก็ถือว่ามีหลายรุ่นมาก ๆ ให้ติดตามกัน ซึ่งทาง Evolt จะมาแนะนำแบบง่าย ๆ ว่าในปีนี้มีรุ่นไหนบ้างที่เปิดตัวและจำหน่ายในตลาดรถบ้านเรา แล้วราคาจำหน่ายแต่ละรุ่นคือเท่าไหร่กันบ้าง

1. Deepal E07 ราคาเริ่มต้น 1.599 ล้านบาท
โดย Deepal E07 เป็นรถยนต์ EV จากค่าย ChangAn Thailand ในคลาส SUV แบตเตอรี่ความจุ 89.98 kWh ใช้หัวชาร์จ Type 2 และรองรับ CCS2 สำหรับการชาร์จ DC สามารถวิ่งได้ไกล 590 กม. (มาตรฐาน NEDC) มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ และมีหลังคากระจก Panoramic Glass Roof

2. Riddara RD6 ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท
สำหรับ Riddara RD6 ถือเป็นรถกระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในไทย ที่ออกแบบมาสำหรับสาย Off-Road รองรับการขับขี่บนทางลาดขันได้ถึง 95% มีออปชั่นครบครันตามสไตล์รถกระบะ โดยตัวแบตมี 3 ขนาด คือ 63 kWh, 73 kWh และ 86 kWh มีประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ให้ด้วย

3. Aion V ราคา 1.029 ล้านบาท
สำหรับ Aion V เป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV 5 ที่นั่ง ที่ได้รับความนิยมสูงในไทย โดดเด่นด้วยตู้เย็นความจุ 6.6 ลิตรภายในรถ ที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ กับ 4 โหมดที่รองรับ ส่วนตัวแบตเตอรี่มีความจุ 75.2 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 602 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

4. Deepal S05 ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท
นับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ป้ายแดงในเมืองไทย เพราะเพิ่งเปิดตัวในงาน Motor Show 2025 ที่ผ่านมานี้เอง โดยมีให้เลือกทั้งรุ่น EV และรุ่น REEV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าควบคู่กับเทคโนโลยี Range Extender มีความโดดเด่นทั้งสมรรถนะที่จัดเต็ม การขับขี่ที่นุ่มนวล เงียบ และสงบ

5. New MG S5 ราคาเริ่มต้น 719,000 บาท
ล่าสุดทาง MG ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในตลาดรถ EV เมืองไทย ในงาน Motor Show 2025 ด้วยการส่ง MG S5 มาบุกตลาด ด้วยการเป็น SUV ที่วิ่งได้ไกลสูงสุด 550 กม. มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก คือ รุ่น D, X และ V กับราคาไม่เกินล้าน โดยมีการรับประกันชิ้นส่วนตลอดอายุการใช้งาน เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถได้มากขึ้น
เตรียมความพร้อมให้รถ EV ในฝัน ด้วยแอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จ Evolt
สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่แล้ว หรือว่ากำลังเตรียมซื้อรถยนต์ EV มาไว้ใช้งาน ที่ได้แนวทางการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานกันไปแล้ว ก็อย่าลืมมาเตรียมความพร้อมให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ล่าสุดจากทาง Evolt ที่นอกจากจะค้นหาสถานีชาร์จ EV Charging Station ได้ไวทันใจแล้ว ยังใช้งานได้ง่ายมากขึ้น พร้อมเช็กสถานะการชาร์จไฟได้แบบ Real Time