BLOGBLOG
back

ไขข้อข้องใจ! อยากเปลี่ยนยางรถ EV ใหม่ ใช้ยางรถยนต์ทั่วไปได้หรือไม่?

การเปลี่ยนยางรถ EV หรือ เปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้านั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเลือกยางให้เหมาะกับตัวรถ และการดูคุณสมบัติของยาง ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ยางรถยนต์ EV ถูกออกแบบมาให้มีความแตกต่างจากยางรถยนต์ทั่ว ๆ ไป จึงส่งผลให้มีราคาที่แพงขึ้นตามไปด้วย เพราะฉะนั้น ทาง Evolt Technology จะพาคุณมาดูกันว่า หากต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้านั้น ต้องดูอะไรบ้าง แล้วยางสำหรับรถ EV ควรเลือกยี่ห้อไหนดีที่มีมาตรฐาน ใช้งานได้ยาวนาน และมีความปลอดภัยในการขับขี่

เปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้า หรือ ยางรถ EV

อยากเปลี่ยนยางรถ EV ใช้ยางรถยนต์ทั่วไปได้หรือไม่?

หากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยากเปลี่ยนยางรถ EV แต่อยากทราบว่า สามารถใช้ยางรถยนต์ทั่วไปได้หรือไม่ ก่อนอื่นเลยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ทางผู้จัดจำหน่ายผลิตขึ้นมานั้น ถูกออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ของรถได้ เพราะว่ารถ EV จะมีน้ำหนักที่มากกว่ารถยนต์ทั่วไป จึงทำให้การออกแบบยางต้องสัมพันธ์กันกับตัวน้ำหนักรถ

ดังนั้น การเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้าจึง “ไม่จำเป็นต้องใช้ยางรถ EV หรือว่าเป็นยางชนิดพิเศษเสมอไป” แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือ “ดัชนีรับน้ำหนัก” ที่ตรงกับรุ่นรถที่ใช้ รวมถึงคุณสมบัติของยาง เพราะสุดท้ายแล้วการเลือกยางรถสำหรับรถอีวี ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับประสิทธิภาพการใช้งาน และการขับขี่ที่ปลอดภัยเป็นหลัก

“ยางรถยนต์ไฟฟ้า หรือ ยางรถ EV เป็นเพียงการเรียกยางตามคุณสมบัติที่ถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เพราะตัวยางถูกพัฒนาขึ้นมาให้คุณสมบัติเฉพาะบางอย่าง เพื่อทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพมากที่สุด”

ยางรถยนต์ EV vs ยางรถยนต์ทั่วไป ต่างกันยังไง?

สำหรับความแตกต่างระหว่าง ยางรถยนต์ EV และยางรถยนต์ทั่วไป สามารถสรุปความต่างกันได้ง่าย ๆ ทั้งหมด 5 ประเด็น คือ

  • ความจุของน้ำหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำหนักของแบตเตอรี่ที่อาจมีน้ำหนักตั้งแต่ 500 กก. – 1 ตัน ยางที่ใช้จึงต้องรับน้ำหนักได้มากกว่า
  • อายุการใช้งานของดอกยาง ซึ่งเป็นผลมาจากแรงบิดและอัตราเร่ง โดยยางรถยนต์ EV จะสึกหรอไวกว่ายางรถปกติถึง 20% จึงต้องมีการออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
  • เสียงรบกวนของการขับขี่ โดยบางรุ่นจะนำเทคโนโลยีหรือวัสดุซับเสียงมาใช้ร่วมด้วย จึงทำให้ได้ความเงียบที่มากขึ้น
  • การยึดเกาะถนนของตัวยาง โดยส่วนมากแล้วยางสำหรับรถอีวี จะมีสารประกอบพิเศษที่ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดี สัมพันธ์กับการออกตัวที่มีแรงส่งและแรงบิดสูง
  • การต้านทานการหมุน ซึ่งโดยปกติแล้วยางรถยนต์ไฟฟ้าจะมีความต้านทานการหมุนต่ำกว่า เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้านั่นเอง
เปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้า หรือยางรถ EV ต้องดูอะไรบ้าง

เปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้า หรือยางรถ EV ต้องดูอะไรบ้าง?

การเปลี่ยนยางรถยนต์ EV นั้น มีองค์ประกอบหลายจุดที่ต้องพิจารณา โดยหลัก ๆ แล้ว คือขีดความสามารถในการรองรับน้ำหนัก โดยยางรถยนต์แต่ละแบรนด์ก็จะมีคำเรียกอัตราการรับน้ำหนักของยางที่ต่างกันออกไป ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องสังเกตจากตัวที่ตัวเลขที่ระบุเอาไว้ นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ต้องดูควบคู่กันด้วยเช่นกัน ดังต่อไปนี้

1. อัตราการรับน้ำหนักของยางรถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับอัตราการรับน้ำหนักของตัวยาง (Tire Load Index) จะมีตัวเลขระบุเอาไว้ที่ยางอย่างชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันนี้ยางสำหรับรถ EV รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ SUV จะมีคำนำหน้า “HL” (High Load) อยู่ด้านหน้าของตัวเลขขนาดยางที่ปรากฏบนแก้มยางอีกที โดยตัวอักษร HL นี้ จะแทนชื่อยางมาตรฐานที่มีความสามารถในการรับน้ำสูงมากกว่ายาง XL หรือ EX (Extra Load)

ทั้งนี้ ตัวอักษรที่ใช้บนแก้มยาง ถูกกำหนดโดยสมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์ ETRTO (European Tyre and Rim Technical Organisation) เพราะฉะนั้น หากลองเทียบดูแล้วจะเห็นได้เลยว่า ยางที่มีสัญลักษณ์ HL ปรากฏอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีขนาดยางและเติมแรงดันลมยางเท่ากัน แต่ความสามารถในการรับน้ำหนักกลับสูงกว่าอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น ยางชนิดนี้จึงถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่ และมีน้ำหนักรถสูงนั่นเอง แต่ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้ยาง HL ผู้ใช้รถอาจจะเลือกเพิ่มขนาดยางแทน (หากทำได้)

2. มีเทคโนโลยีหรือการออกแบบที่เหมาะกับรถ EV

การเลือกยางสำหรับรถ EV นอกจากการเลือกจากอัตราการรับน้ำหนักแล้ว อีกหนึ่งวิธีการเลือกยางก็คือ การเลือกยางที่มีเทคโนโลยีหรือการออกแบบที่เหมาะสมกับตัวรถโดยเฉพาะ อาทิ ยางรถยนต์ EV Turanza Eco ของทาง Bridgestone ที่มีเทคโนโลยี Enliten ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับรถ EV มีน้ำหนักที่เบาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มียูรีเทนโฟมที่ช่วยซับเสียงได้ดี และสิ่งที่ทำให้ยางรุ่นนี้เหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นคือ มีความต้านทานการหมุนต่ำ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง แต่ได้ประสิทธิภาพในการขับขี่และอายุของแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้น

ส่วนยางรุ่นอื่น ๆ ก็มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อาทิ ยางรถรถยนต์ไฟฟ้า Michelin รุ่น Pilot Sport EV ที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เน้นเรื่องประสิทธิภาพของการควบคุม และลักษณะเฉพาะของรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า รวมถึงระยะทางการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 60 กม. โดยตัวยางมีคุณสมบัติที่เรียกว่า ElectricGrip Compound ที่ใช้สารประกอบยางที่ทำให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ยึดเกาะถนนได้ดีทั้งถนนที่แห้งและเปียก ทั้งยังมีการใช้โฟมโพลียูรีเทนที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ ทำให้ลดเสียงรบกวนได้ถึง 20%

3. ราคายางรถยนต์ไฟฟ้า

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกยางรถ EV รุ่นไหนหรือว่ามีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องงบประมาณในกระเป๋าเงิน ซึ่งในปัจจุบันยางรถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาจำหน่ายเฉลี่ยเส้นละ 1x,xxx บาท เรียกง่าย ๆ ว่า มีราคาจำหน่ายสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป 2 – 3 เท่าตัว เพราะนั้น การเลือกเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้า แนะนำว่าให้ลองหาตัวเลือกแบรนด์ยางรถยนต์ EV ที่สนใจมาเปรียบเทียบกันประมาณ 3 – 4 ตัวเลือก แล้วลองดูว่ายางรุ่นไหนเหมาะกับรถมากที่สุด แล้วพฤติกรรมการขับขี่ของเราเป็นอย่างไรบ้าง

เพราะถึงแม้ว่ายางที่เลือกเปลี่ยนจะเป็นรุ่นที่ดีและแพงที่สุด แต่หากไม่ได้สัมพันธ์กับการขับขี่ อย่างเช่น ใช้งานแค่การเดินทางระหว่างไปบ้านและที่ทำงานเป็นหลัก ออกต่างจังหวัดหรือขับขี่ทางไกลบ้างบางครั้ง ก็อาจจะไม่จำเป็นที่ต้องใช้ยางรถ EV ที่เน้นคุณสมบัติการยึดเกาะถนนเทียบเท่ากับรถอีวี กลุ่มสปอร์ตหรือรถที่มีสมรรถนะสูง ๆ เป็นหลัก แต่เลือกรุ่นที่ยึดเกาะได้ดีและสัมพันธ์กับสมรรถนะของรุ่นรถที่ใช้เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ก็มีผู้ผลิตหลายรายที่จำหน่ายยางรถยนต์สำหรับรถ EV โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Micheline Piot Sport EV, Continental EcoContract 6, Bridgestone Turanza ECO, Pirelli P Zero HL, Hankook Ventus S1 evo 3 ev, โยโกฮาม่า BluEarth Winter V905 และอื่น ๆ อีกมากมาย

เดินทางใกล้ – ไกล ก็ไร้กังวล ด้วยสถานีชาร์รถยนต์ไฟฟ้าจาก Evolt

เดินทางใกล้ – ไกล ก็ไร้กังวล ด้วยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Evolt ใกล้คุณ!

สำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้ทริกดีดีในการเลือกซื้อยางรถ EV เมื่อต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ EV กันไปแล้ว ก็อย่าลืมเข้ามาเลือกใช้บริการ “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” หรือ EV Charger จากทาง Evolt ที่ถูกออกแบบมาเพื่อคนใช้รถยนต์ EV โดยเฉพาะ โดยในปัจจุบันนี้เรามีพื้นที่ให้บริการสถานีชาร์จครอบคลุมทั่วไทย มีพาร์ทเนอร์ที่ให้บริการในหลากหลายพื้นที่ และมีหัวชาร์จให้เลือกทั้งแบบ AC และ DC Charging เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย

และที่สำคัญ หากคุณต้องการค้นหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบสะดวกและรวดเร็วทันใจ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Evolt ก็สามารถค้นหาสถานีชาร์จได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย จะอยู่ใกล้ – ไกล ก็ค้นหาจุดชาร์จรถพร้อมจองใช้บริการได้ง่าย ๆ ผ่านแอปฯ