เจาะลึกแนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 2025 คาดรถ EV ปีนี้โตขึ้น 30%
นับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นมา เชื่อว่าหลายคนคงเห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์กันไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะทิศทางของ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ปี 2025 ที่นักวิเคราะห์หลาย ๆ คน ต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็น และวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดรถ EV กันหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือ ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าจะมีสัดส่วนที่มากขึ้นจากปี 2024 รวมถึงการปรับตัวของรถยนต์สันดาป ที่ต้องเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในปีนี้
เลือกอ่านได้เลย

ภาพรวมทิศทางตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 2025 ทั่วโลก
จากการวิเคราะห์ของนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์หลาย ๆ คน ต่างก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ปี 2025 นี้ จะมีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านตลาดรถยนต์จาก S&P Global Mobility ก็ได้มองว่าในปีนี้ รถยนต์ EV จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ชนิดที่ว่าอาจเติบโตถึง 30% หรือราว ๆ 15.1 ล้านคัน มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.7%
โดยเฉพาะค่ายรถยนต์จากจีนอย่าง BYD ที่ทำสถิติใหม่กับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2024 ได้มากถึง 4,272,145 คัน เพิ่มขึ้น 41.3% โดยแบ่งสัดส่วนคือ รถยนต์ EV ทำยอดขายได้ 1,764,992 คัน ส่วน PHEV ทำยอดขายได้ทั้งหมด 2,485,378 คัน ในขณะที่ทาง Tesla สามารถทำยอดขายได้ 1,789,226 คันทั่วโลก ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดหมาย แต่หากมองในภาพรวมของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถ EV ทั่วโลกแล้ว ถือว่าเป็นปีที่เติบโตและมีการแข่งขันสูงมากขึ้นในปี 2024 ที่ผ่านมา
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตได้ในปีนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอิทธิที่มีปัจจัยต่อผู้ใช้รถโดยตรง อาทิ นโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาดด้วยมาตรการต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งภาษีศุลกากร ที่เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจในการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV ของผู้บริโภค และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จที่เหมาะสม ที่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ว่าควรเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าดีหรือไม่
เช่นเดียวกับทางด้านสหรัฐอเมริกา ที่ในปี 2025 นี้ คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นถึง 36% คิดเป็น 11.2% ของตลาด โดยอาจจะมีนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นปัจจัยของตลาดด้วยเช่นกัน และถึงแม้เครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตนอกสหรัฐเอง มีการกีดกันอย่างรุนแรงกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน แต่ก็ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนโยบายของจีนแผ่นดินใหญ่เป็นแบบพึ่งพาตนเอง
และที่สำคัญคือ ในการเปิดตลาดในประเทศกำลังพัฒนานั้น ส่งผลต่ออัตราภาษีที่เอื้อต่อการทำธุรกิจของรถยนต์ยักษ์ใหญ่โดยตรง ซึ่งจะเห็นได้จากเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของรถยนต์ EV จากจีน รวมถึงยอดขายรถยนต์ตลอด 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ที่นักวิเคราะห์มองว่าจีนจะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 30% และในปี 2025 นี้ รถยนต์ไฟฟ้าในจีนจะขายดีกว่ารถยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก ซึ่งอาจจะครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ทั้งหมดถึง 50% ในจีนเช่นกัน และการเติบโตแบบรุดหน้านี้เอง ที่จะยังคงทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกเดือน ม.ค. 2025
จากการวิเคราะห์ด้านการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ก็คงจะเห็นได้ถึงการเติบโตที่ยังคงรุดหน้าอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับยอดขายรถในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวเลขมาให้ติดตามกันแล้ว โดยยอดขายรถยนต์ฟ้าทั่วโลก ขายได้ทั้งหมด 1.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 18% จากรายปี แต่หากเทียบกับเดือนธันวาคม 2024 กลับลดลง 35%
- ในประเทศจีนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ 700,000 คัน เพิ่มขึ้น 12%
- สหภาพยุโรปสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 250,000 คัน เพิ่มขึ้น 21%
- ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มียอดขายทั้งหมด 130,000 คัน เพิ่มขึ้น 22%
- ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก มียอดขายรวมกันอยู่ที่ 130,000 คัน เพิ่มขึ้น 50%
เพราะฉะนั้น เมื่อลองดูจากยอดขายในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หากเทียบกับช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับเดือนธันวาคม จะมียอดขายที่ลดลงทุกประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการจัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี ที่ทำให้เดือนธันวาคมมียอดขายที่มากกว่าในหลาย ๆ ประเทศ

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย กับมาตรการผลักดันการใช้รถ EV ของภาครัฐ
จากภาพรวมของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 2025 ทั่วโลก ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง ในประเทศไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยจากพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์และการครอบครองรถยนต์ในไทย ที่ในปัจจุบันเพิ่มระยะเวลานานขึ้น จากเดิมจะครอบครองการใช้รถยนต์เฉลี่ย 6 – 10 ปี แต่ในปัจจุบันขยับเพิ่มเป็น 11 – 15 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ ที่ก็อาจจะส่งผลต่อภาพรวมของตลาดทั้งหมดเช่นกัน
โดยในปี 2025 นี้ ตัวเลขของตลาดรถยนต์ในไทย ทั้งตัวรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างแบบก้าวกระโดดมากนักเมื่อเทียบกับปี 2024 ที่ผ่านมา ที่ก็มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ เปิดตัว พร้อมกับจัดโปรโมชั่นใหม่ ๆ จนทำให้กวาดยอดขายไปได้อย่างล้นหลาม โดยเฉพาะค่าย BYD ที่ในงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา ที่สามารถล้มแชมป์อันดับสองอย่าง Honda ไปได้ ด้วยยอดจองรถใหม่กว่า 6,917 คัน
เช่นเดียวกับภาพรวมของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ที่ถึงแม้จะมีสงครามด้านราคาเกิดขึ้น และมีประเด็นเรื่องการผลิตรถในโครงการ EV3.0 หรือมีรถยนต์ใหม่ ๆ เปิดตัว แต่ก็ไม่สามารถขยายตัวถึง 1 แสนคัน ในปีที่ผ่านมาตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการบังคับใช้เรื่องการปล่อยมลพิษ (ไอเสีย) ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น รวมถึงปัจจัยสนับสนุนให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐอย่างจริงจัง ที่ก็อาจจะทำให้ผู้บริโภคมีการชะลอการตัดสินใจอยู่บ้าง
โดยภาพรวมในปีนี้ก็ยังคงเป็นที่น่าสนใจและท้าทายกับค่ายรถยนต์เช่นกัน ที่จะต้องวางแผนการตลาด หรือการเลือกรถมาจำหน่ายในประเทศไทยให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า และที่ขาดไม่ได้คือ การปรับลดต้นทุนเพื่อทำให้ตลาดกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ดังที่ นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ได้กล่าวเอาไว้ว่า
“ปี 2568 เป็นปีที่ท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์อีกปี ดังนั้น การแข่งขันด้านต้นทุนการบริการ จัดการให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญ”
แน่นอนว่า หากดูจากสถานการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยของปี 2567 ที่ผ่านมา ที่มีทั้งการปรับตัวและการเปลี่ยนกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดพอสมควร ซึ่งในปีนี้ก็น่าจะมีอีกหลาย ๆ แง่มุมให้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

พร้อมรับกับตลาดรถ EV ด้วยธุรกิจสถานีชาร์จจาก Evolt
ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ปี 2025 จากการคาดการณ์ อาจจะไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมามากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า จำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV ยังคงมีเป็นจำนวนมาก และในอนาคตก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ พื้นที่ให้บริการให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charging Station ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภค
เพราะฉะนั้น ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่มีพื้นที่ให้บริการอยู่แล้ว สามารถลงทุนทำธุรกิจสถานีชาร์จ ด้วยบริการ EV Charging Solutions จากทาง Evolt ได้เช่นกัน โดยเราจะมีทีมงานที่พร้อมให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่มีทั้งทีมวิศวกร EV ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการติดตั้ง หรือการออกแบบสถานีชาร์จ รวมถึงทีมดูแลหลังบ้าน ที่พร้อมจะดูแลลูกค้าที่ใช้บริการสถานีชาร์จในพื้นที่ของคุณ เรียกง่าย ๆ ว่า เพียงแค่มีพื้นที่ติดตั้งตู้ชาร์จก็สามารถสร้างรายได้ได้ทันที