ใครบ้างที่เหมาะกับธุรกิจ “สถานีชาร์จรถไฟฟ้า” รับเทรนด์รถ EV ปี 2025
ต้องยอมรับเลยว่าเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV ยังคงมาแรง และยังคงเติบโตในตลาดรถเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ว่ามีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี เช่นเดียวกับยอดจองรถใหม่ที่ก็สร้างสถิติยอดจองติด Top 5 หลายค่าย เพราะฉะนั้น ธุรกิจ EV Charging Station หรือ ธุรกิจสถานีชาร์จรถไฟฟ้า จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ และเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนมาก ๆ ในปี 2025 นี้เช่นกัน เพราะฉะนั้น เราจะพาคุณมา Check List ดูกันว่า มีใครบ้างที่เหมาะกับการลงทุนเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
เลือกอ่านได้เลย

มีใครบ้างที่เหมาะกับการเปิดสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
ในยุคที่เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็น Mega Trend ในตอนนี้ ต้องยอมรับเลยว่า นอกจากการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV ในเมืองไทยแล้ว ธุรกิจที่เติบโตควบคู่กันมาก็คือ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องมีความเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น หรือเป็นเส้นทางหลักที่มีการใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ผู้เข้าไปใช้บริการอยู่เสมอ เช่น ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและที่พัก ฯลฯ
1. กำลังมองหารายได้แบบ Passive Income
จุดเด่นของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charging Station คือ การสร้างรายได้แบบ Passive Income เรียกง่าย ๆ ก็คือ ให้ธุรกิจทำหน้าที่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องลงไปจัดการหรือบริหารรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง ก็สามารถมีรายได้เข้ากระเป๋าได้อย่างสม่ำเสมอ โดยการลงทุนเปิดสถานีชาร์จรถนั้น ข้อดีคือผู้ใช้บริการจะเป็นคนดำเนินการด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีพนักงานคอยให้บริการ เพียงแค่มีพื้นที่ให้บริการก็สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณได้ และที่สำคัญคือ การลงทุนเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สามารถคืนทุนได้ไว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าขาจร เช่น ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านอาหาร

2. ต้องการลงทุนกับธุรกิจที่มีโมเดลให้อยู่แล้ว
หากคุณเป็นคนที่อยากลงทุนทำธุรกิจที่ไม่ต้องลงมาบริหารและจัดการเองแบบ 100% การลงทุนกับสถานีชาร์จก็ถือว่าตอบโจทย์เช่นกัน เพราะโดยปกติแล้วการทำสถานีชาร์จรถ EV จะมีโมเดลของธุรกิจมาให้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกลงทุนกับผู้ให้บริการรายใด โดยในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มที่ต้องซื้อแฟรนไชส์ และกลุ่มที่ลงทุนแบบ Partner
แน่นอนว่า การลงทุนทั้ง 2 รูปแบบ ก็จะมีงบประมาณในการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะการลงทุนแบบแฟรนไชส์จุดชาร์จรถไฟฟ้า ที่จะมีงบกำหนดชัดเจน ในการติดตั้งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท โดยเฉพาะในรูปแบบ DC Charger ที่จะใช้งบลงทุนที่มากกว่าประเภท AC Charger ซึ่งในปัจจุบันความต้องการของผู้ใช้งาน ที่ต้องการชาร์จไฟตามสถานีชาร์จก็คือประเภท DC หรือ Fast Charge นั่นเอง
3. มีระบบหลังบ้านให้ครบครัน
การลงทุนสถานีชาร์จรถไฟฟ้า นอกจากจะมีความสะดวกในการบริหารจัดการ เพราะมีโมเดลให้เลือกทั้งแบบแฟรนไชส์จุดชาร์จรถไฟฟ้า และแบบที่เป็นพาร์ทเนอร์กันแล้ว ทางผู้ให้บริการยังมีระบบหลังบ้านให้อย่างครบครัน รวมถึงแผนธุรกิจ EV Charger ที่จะช่วยนำไปปรับให้เหมาะกับธุรกิจเดิมที่มีอยู่ได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการนำข้อมูลลูกค้าที่มีไปต่อยอดในด้านอื่น ๆ อย่างเหมาะสม
แน่นอนว่า ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ จะมีให้ภายในระบบหลังบ้านแบบครบครัน และที่ขาดไม่ได้คือ การจัดการเรื่อง Customer Service หรือ Call Center ที่จะคอยให้บริการผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ ซึ่งจุดนี้ผู้ลงทุนไม่ต้องจัดหาพนักงานด้วยตัวเอง เพราะทางผู้ให้บริการทำธุรกิจ EV Charging Station จะมีบริการในส่วนนี้ให้อยู่แล้ว หากผู้ใช้งานต้องการความช่วยเหลือก็สามารถติดต่อมาทางทีมงานได้โดยตรง เรียกว่า เป็นบริการแบบ One Stop Service ที่น่าจะตอบโจทย์ สำหรับคนที่ต้องการลงทุนเปิดสถานีชาร์จรถ EV โดยเฉพาะ

4. มีธุรกิจเดิมอยู่แล้ว แต่ต้องการต่อยอด
หากใครที่มีธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว และต้องการต่อยอดธุรกิจให้พัฒนาได้มากขึ้น การลงทุนทำแฟรนไชส์จุดชาร์จรถไฟฟ้าก็นับว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะการมีความพร้อมในการรองรับลูกค้าหลาย ๆ กลุ่ม ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากกว่า อาทิ หากทำธุรกิจโรงแรม แล้วมีตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในตัว ก็จะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเลือกเข้าพักได้มากขึ้น ได้เปรียบคู่แข่งในพื้นที่นั้น ๆ อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ EV ที่จะเห็นว่าการเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ จะมีความสะดวกมากกว่า ไม่ต้องเดินทางไปชาร์จรถตามสถานีชาร์จที่ใกล้เคียง เพราะสามารถจอดชาร์จไฟได้ในระหว่างที่เข้าพักได้เลย ทั้งยังสามารถเช็กสถานะของการชาร์จไฟได้ผ่านทางแอปพลิเคชันเช่นกัน เรียกได้ว่า นอกจากจะมีรายได้จากการเข้าพักของลูกค้าแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้จากการติดตั้งตู้ชาร์จภายในโรงแรมได้เช่นกัน
5. มีพื้นที่ให้จอดรถ พร้อมสำหรับการติดตั้งตู้ชาร์จ
นอกจากนี้ ผู้ที่เหมาะสำหรับการลงทุนทำสถานีชาร์จ หรือลงทุนกับแฟรนไชส์จุดชาร์จรถไฟฟ้า ก็คือผู้ที่มีพื้นที่จอดรถในพื้นที่ให้บริการ เรียกง่าย ๆ ว่า สามารถนำช่องจอดรถ 2 – 3 ช่องจากที่มีอยู่ทั้งหมด มาติดตั้งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้เลย เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างรายได้จากสถานีชาร์จได้แล้ว และเมื่อประเมินแล้วว่า พื้นที่ที่มีสามารถรองรับการติดตั้งตู้ชาร์จรถ EV ก็เพียงแค่รอทีมงานหรือทีมวิศวกรและผู้ออกแบบระบบ มาตรวจสอบความพร้อมของสถานที่ เพียงแค่นี้คุณก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้แล้ว

เป็นพาร์ทเนอร์กับ Evolt ลงทุนทำสถานีชาร์จแบบ One Stop Service
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนทำธุรกิจ EV Charging Station หรือ สถานีชาร์จรถ EV ไม่ว่าจะเป็นประเภท AC หรือ DC เพียงเลือกติดตั้งสถานีชาร์จกับทาง Evolt Technology วันนี้ รับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า เพราะเราให้บริการแบบ Partner ที่จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของสถานีบริหารจัดการหลังบ้านได้อย่างครอบคลุมมากกว่า ด้วยการให้บริการแบบ One Stop Service พร้อมแผนธุรกิจ EV Charger แบบครบวงจร
โดยเฉพาะโมเดลธุรกิจในส่วนของ Charging Operator ที่ครอบคลุมทั้งการกำหนดค่าชาร์จไฟรถ EV, การตรวจสอบสถิติการชาร์จ ที่มาพร้อมกับระบบ CRM, การบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าของสถานีชาร์จ และที่ขาดไม่ได้คือ การบันทึกข้อมูลเชิงสถิติด้วย Business Intelligence และที่สำคัญคือ บริการในด้านของ Service Provider ของทาง Evolt ก็พร้อมให้บริการทั้งทีมวิศวกรที่ผ่านการรับรอง ตามมาตรฐานการติดตั้งจาก PEA และ MEA รวมถึงบริการ Call Center แบบ 24 ชม. จากทีมงานของทางอีโวลท์โดยตรง