ตอบทุกข้อสงสัย ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตอนฝนตกได้มั้ย ปลอดภัยหรือไม่?
หนึ่งในคำถามที่คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าสงสัยกันมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น “รถ EV ชาร์จแบตตอนฝนตกได้ไหม?” แล้วการชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกหนัก จะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในพื้นที่ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่กลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งการชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่ตัว Wall Charger อาจตากฝนแล้วสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น ไฟช็อต ไฟรั่ว ฯลฯ เพราะฉะนั้น ทาง Evolt จะมาไขทุกข้อสงสัยให้กับคนใช้รถยนต์ไฟฟ้ากัน ว่าหากฝนตกหนักแล้วชาร์จแบตรถ EV จะทำได้หรือไม่ แล้วควรชาร์จไฟแบบไหนให้ปลอดภัยต่อตัวผู้ใช้งาน
เลือกอ่านได้เลย
รถยนต์ไฟฟ้า สามารถชาร์จไฟตอนฝนตกได้หรือไม่?
การชาร์จแบตในช่วงหน้าฝนหรือการชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกนั้น “สามารถทำได้” เพราะเทคโนโลยีที่รถยนต์ไฟฟ้าใช้หรือถูกออกแบบมานั้น เป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูง มีฉนวนไฟฟ้า ระบบตรวจจับไฟรั่ว และยังมีระบบสายกราวด์ ที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรได้ เช่นเดียวกับสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้แม้จะอยู่ในสภาวะที่ฝนตก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะโดนน้ำฝนหรือว่ามีความชื้น ก็ยังสามารถชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าได้ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้ง Wall Charger ไว้ที่บ้าน ที่ในบางครั้งก็เสี่ยงต่อการถูกฝนสาดได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะติดตั้งเครื่องชาร์จเอาไว้ในร่มแล้วก็ตาม ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทุกตัว จะต้องผ่านมาตรฐานในหลาย ๆ ด้าน เช่น มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น หรือก็คือ IP Code (Ingress Protection Code) ที่จะช่วยเป็นเครื่องการันตีมาตรฐานและความปลอดภัยในการใช้งานได้ หรือแม้กระทั่งมาตรฐาน IEC 62196 ที่ถูกประกาศใช้ให้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 2749 เล่ม 2-2559 ที่ประเทศไทยใช้สำหรับการตรวจสอบคุณภาพของหัวชาร์จกระแสสลับ หรือ AC Type 2 เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติในการใช้รถ และชาร์จไฟในวันที่ฝนตกหนัก
ถึงแม้ว่าการชาร์จไฟในช่วงหน้าฝนจะสามารถทำได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหรือข้อควรปฏิบัติในการใช้รถ EV ให้ปลอดภัยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกตู้ชาร์จที่มีมาตรฐาน การเสียบ – ถอดหัวชาร์จ รวมถึงการขับขี่รถยนต์ในช่วงที่ฝนตกหนัก
1. การเลือกแท่นชาร์จในการชาร์จไฟ
การชาร์จไฟในช่วงที่ฝนตกหนักให้ปลอดภัย ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะต้องเลือกใช้บริการตู้ชาร์จที่มีมาตรฐาน มีระบบป้องกันและมีที่ครอบที่สามารถป้องกันน้ำเข้าบริเวณหัวประจุ ที่ขาดไม่ได้คือ จะต้องมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่วและลงสายดินเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่การตรวจเช็กก่อนชาร์จไฟในช่วงที่ฝนตกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในสภาพอากาศปกติด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ตัวเครื่องจ่ายไฟและหัวชาร์จของสถานีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องมีมาตรฐาน IEV 61851 (มอก. 61851) และ IEC 62752 (มาตรฐาน มอก.2911) ด้วย และที่สำคัญคือ ก่อนชาร์จไฟจะต้องสำรวจพื้นที่ให้บริการของสถานีชาร์จนั้น ๆ ก่อน ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ มีร่องรอยการชำรุดหรือเสียหายไหม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหากใช้งานแล้วจะไม่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุในระหว่างใช้งาน
2. ใช้บริการสถานีชาร์จตอนฝนตก อย่าลืมกางร่มทุกครั้ง
แม้ว่าการชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงที่ฝนตกหนัก จะสามารถทำได้และมีความปลอดภัย แต่ผู้ใช้รถก็ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะการเสียบและถอดหัวชาร์จ แนะนำว่าให้กางร่มบังฝนทุกครั้งที่มีการเสียบและถอดสายชาร์จ เพื่อป้องกันละอองน้ำที่อาจจะเข้าไปยังระบบไฟฟ้าของรถยนต์
3. ก่อนเสียบสายชาร์จ ควรเช็ดจุดชาร์จให้แห้ง
ก่อนที่จะเสียบสายชาร์จเข้ากับตัวรถ ผู้ใช้งานควรตรวจเช็กก่อนว่าบริเวณจุดชาร์จนั้นแห้งสนิทดี เพราะบางครั้งอาจจะมีความชื้นอยู่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณและตัวรถ อย่าลืมเช็ดจุดชาร์จให้แห้งก่อนใช้งานหรือก่อนเปิดฝาทุกครั้ง ทั้งนี้ ในกรณีที่ฝนตกหนักมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่พายุเข้า ก็อาจจะรอให้ฝนซาลงก่อนก็ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนกระเด็นเข้าไปในหัวชาร์จหรือช่องชาร์จนั่นเอง

How-To ชาร์จแบตตอนฝนตก ที่คนใช้รถต้องรู้!
นอกเหนือจากข้อควรระวังในการใช้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือการชาร์จไฟที่จุดชาร์จรถในช่วงที่ฝนตกหนักแล้ว ทาง Evolt ก็จะมาสรุปให้ดูแบบง่าย ๆ กันว่า ขั้นตอนการชาร์จไฟที่สถานีชาร์จในช่วงฝนตกนั้นมีอะไรบ้างที่ควรปฏิบัติตาม เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า
- ตรวจสอบสถานที่ชาร์จไฟ ควรเลือกจุดชาร์จที่มีหลังคา หรือพื้นที่ที่สามารถบังฝนได้ และควรหลีกเลี่ยงการชาร์จไฟที่ลุ่มต่ำ หรือบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง
- เตรียมอุปกรณ์และสายชาร์จ ว่ามีความสะอาดหรือไม่ แล้วสายชาร์จชำรุดหรือมีความเสียหายไหม
- ปิดการทำงานหรือดับรถก่อนชาร์จ โดยรถควรอยู่ในสถานะจอด ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ในระหว่างชาร์จไฟ
- เชื่อมต่อสายชาร์จ แนะนำว่าให้เช็ดจุดชาร์จให้แห้งก่อน เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาบริเวณตัวเชื่อมต่อ
- เริ่มชาร์จแบต พร้อมตรวจเช็กความปกติจากสถานะการชาร์จอยู่เสมอ และระหว่างชาร์จไฟไม่ควรสัมผัสส่วนที่เปียกหรือจุดที่เป็นโลหะของตัวชาร์จ
- หยุดชาร์จไฟ โดยให้ปิดการทำงานของตัวชาร์จก่อนถอดสาย
- จัดเก็บอุปกรณ์ ทั้งสายชาร์จและตัวเชื่อมต่อให้เข้าที่
หมายเหตุ : การใช้รถยนต์ EV ผู้ใช้รถควรมีผ้าหรือว่าวัสดุที่ใช้สำหรับการเช็ดให้แห้งเตรียมไว้เสมอ และควรหลีกเลี่ยงการชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าในสภาพอากาศที่ไม่ดี เช่น พายุเข้า หรือฝนตกหนักมาก ๆ
ใช้รถยนต์ EV ช่วงหน้าฝนควรรู้! ใช้รถยังไงให้ปลอดภัย
จะเห็นได้เลยว่า การใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV ในช่วงหน้าฝน นอกจากความระมัดระวังในการชาร์จแบตที่สถานีชาร์จรถไฟฟ้าแล้ว การใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังมีข้อปฏิบัติที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการขับรถในสภาวะที่เจอน้ำท่วมขัง หรือว่าน้ำท่วมสูง ซึ่งข้อจำกัดของการใช้รถในสภาวะดังกล่าวก็จะมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะความสูงของตัวรถที่ใช้ และมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP)
ดังนั้น หากมีความจำเป็นที่ต้องขับรถฝ่าน้ำท่วมขัง ข้อปฏิบัติคือ ควรใช้ความเร็วต่ำ ไม่ควรเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสน้ำไหลเข้ามาใต้ท้องรถ ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมสูงให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ และที่ขาดไม่ได้คือ เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมขังมาแล้ว ไม่ควรดับรถทันทีเมื่อจอด ควรรอสักพักเพื่อระบายน้ำออกมาก่อนที่จะปิดระบบการทำงานของตัวรถ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณตรวจเช็กความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย

มั่นใจในทุกสภาพอากาศ ด้วยจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานจาก Evolt
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการใช้บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้านอกบ้านที่มีมาตรฐาน และมีความปลอดภัยในยามที่ฝนตกหนัก สามารถชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกที่สถานีชาร์จของ Evolt ได้ทุกสถานีชาร์จ ไม่ว่าจะเป็น หัวชาร์จประเภท AC หรือ DC Charging ก็ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ด้วยมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น โดยหัวชาร์จประเภท AC Charging มี IP 55 และ DC Charging มี IP 54 เรียกว่า สามารถป้องกันน้ำได้ทุกทิศทาง จะใช้งานในช่วงที่ฝนตกหนักหรือสภาพอากาศที่ไม่ดีก็ชาร์จไฟได้อย่างมั่นใจ