ไฮไลท์งาน Motor Show 2025 พร้อมรายชื่อรถ EV เปิดตัวใหม่ล่าสุด!
เตรียมพบกับงานยานยนต์ที่หลายคนรอคอย Motor Show 2025 หรือ Bangkok International Motor Show ที่ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 46 โดยมาพร้อมกับโปรโมชั่นรถใหม่แบบจัดเต็ม และการยกขบวนยานยนต์มาเปิดตัวใหม่ภายในงานเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะ รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่พร้อมจะมาบุกตลาดรถยนต์ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้ สรุปทุกข้อมูลสำคัญ พร้อมรายละเอียดการจัดงาน Motor Show 2025 มีวันไหนบ้าง สรุปให้ทุกข้อมูลจาก Evolt Technology ตัวจริงเรื่องการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
เลือกอ่านได้เลย

งาน Motor Show 2025 จัดวันไหนบ้าง?
สำหรับงาน Motor Show 2025 ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 46 โดยมาในธีม “The Talk of Sensuous Automotive” หรือ “สนทนาภาษายานยนต์” ที่นอกจากจะมีรถยนต์ใหม่ ๆ และรถยนต์ไฟฟ้า 2025 มาเปิดตัวแล้ว ยังมีรถจักรยานยนต์รุ่นดัง รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร โดยงานมอเตอร์โชว์ 2025 จัดขึ้น ณ อิมแพคชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 และฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ที่กำลังจะถึงนี้
รายละเอียดงานมอเตอร์โชว์ 2025
- รอบสื่อมวลชน จัดขึ้นวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น.
- รอบ VIP จัดขึ้นในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.59 – 18.00 น.
- งานมอเตอร์โชว์รอบบุคคลทั่วไป เริ่มวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568
สำหรับงาน Motor Show 2025 รอบบุคคลทั่วไป ในวันธรรมดางานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น.
Highlight สำคัญที่ห้ามพลาดในงาน Motor Show 2025
แน่นอนว่า ภายในงาน Motor Show 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ ก็จะมีไฮไลท์เด็ด ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นคือ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จากค่ายต่าง ๆ ทั้งรถยนต์สันดาป รถยนต์พลังงานทางเลือก และที่ขาดไม่ได้คือ รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่พร้อมจะมาบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย โดยก็มีแบรนด์ใหม่ ๆ หลายแบรนด์ที่เข้าร่วม และบางค่ายก็เข้าร่วมงาน Motor Show 2025 นี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ได้แก่ OMODA&JAECOO, CHERY, ZEEKR, JUMEYAO, RIDDARA และ KINGGEN
โดยรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV ที่คาดว่าน่าจะเปิดตัวภายในงาน มอเตอร์โชว์ 2568 อย่างแน่นอน ก็คือ BYD Shark 6, BYD ATTO 2, MG HS 2025, MG IM6, Aion UT, ZEEKR 7X และ Deepal S05 และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่หลายคนต่างก็ตั้งตารอคอยก็คือ การเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YADEA อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก รวมถึงการแนะนำนวัตกรรมสุดล้ำด้วยเทคโนโลยีระบบนำทางภายในรถยนต์ Huawei
ส่วนโซนต่าง ๆ ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ อุปกรณ์ตกแต่งรถ บูธรถมือสอง สินค้าไลฟ์สไตล์ และ MU-NIVERSE หรือกิจกรรม “เปิดจักรวาลมูเตลูไทย สู่คนรุ่นใหม่” โดย อ.ลักษณ์ โหราธิบดี ที่จัดขึ้นมาเพื่อสายมูโดยเฉพาะ จะดูดวงหรือปรึกษาฤกษ์ออกรถใหม่ก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจมาดูรถหรืออยากซื้อรถยนต์ไว้ใช้ ทั้งกลุ่มรถยนต์สันดาปและรถยนต์ EV ก็ยังมีสิทธิพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือ การ Test Drive หรือการทดลองขับจริง ที่เปิดให้ผู้ขับขี่ได้ทดลองขับคันจริงในหลาย ๆ ยี่ห้อ เพื่อทำการเปรียบเทียบว่ารถยนต์แต่ละรุ่น มีความแตกต่างกันอย่างไร มีข้อจำกัดอะไรบ้าง การเดินทางหรือการใช้งานจริง มีความสะดวกสบายเหมาะกับตนเองมากน้อยแค่ไหน ตอบสนองได้ครบทุกความต้องการไหม เรียกง่าย ๆ ว่า เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีดีที่จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อรถยนต์มาใช้นั้นดียิ่งขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้า ที่เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Show 2025
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เตรียมมาเผยโฉม พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2025 นี้ ก็มีหลายรุ่นมาก ๆ ที่น่าสนใจ โดยบางรุ่นอาจจะเป็นการเปิดตัวแต่ยังไม่ได้ระบุการทำตลาดอย่างชัดเจน แต่บางรุ่นก็อาจจะเปิดตัวพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน โดยทาง Evolt จะคัดมาให้ดูกัน ว่ามีรถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่น่าสนใจรุ่นไหนบ้าง ที่น่าจะเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้

1. IM 6
IM 6 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ทรงคูเป้ ขนาด 5 นั่ง ที่เตรียมเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ เบื้องต้นคาดว่ามี 2 รุ่นย่อย คือรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง 294 PS วิ่งได้ไกล 550 กม. และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 787 PS ระยะทางวิ่ง 634 กม.

2. Deepal S05
Deepal S05 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไซซ์ SUV ขนาด Sub-Compact ที่จะเปิดตัวรุ่นพวงมาลัยขวาในประเทศไทยเป็นที่แรก โดยมีทั้งแบบที่เป็นรถ BEV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน และแบบขยายระยะทางวิ่งด้วยเครื่องยนต์สำหรับสร้างกระแสไฟฟ้า (REEV)

3. ZEEKR 7X
สำหรับ ZEEKR 7X เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกไปแล้วที่ประเทศจีน ในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา โดยเป็นรถ C-SUV 5 ที่นั่ง ที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเป็น Global Model มี 3 รุ่น คือ Core, Long Range และ Privilege

4. Volvo EX30 Cross Country
รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง Volvo EX30 Cross Country ก็เป็นอีกหนึ่ง SUV ที่น่าจับตา เพราะเป็นรุ่นยกสูงขึ้นจากรุ่นปกติ ที่สามารถติดตั้งล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง All-Terrain เพิ่มความสมบุกสมบันเพิ่มได้ เรียกว่า เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตาในงาน Motor Show 2025 ที่กำลังจะถึงนี้

5. Aion UT
อีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามาก ๆ ก็คือ Aion UT ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตัวถัง Hatchback ขนาด Sub-Compact ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า จะโชว์ตัวในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้แน่นอน พร้อมทำตลาดในกลุ่มเดียวกันกับคู่แข่งอย่าง BYD Dolphin

6. MG S5 EV
ทางด้านค้ายเอ็มจีเองก็ไม่น้อยหน้า เพราะก็ได้ส่ง MG S5 EV รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์มาประเดิมในงานเช่นกัน แถมในงานมอเตอร์โชว์นี้จะเป็นการเปิดตัวพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรก โดยในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่มาแทน MG ZS EV ที่จำหน่ายอยู่ในไทยตอนนี้

7. BYD ATTO 2
และอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าน่าจะมาบุกตลาดในไทย พร้อมเปิดตัวในงาน Motor Show ก็คือ BYD ATTO 2 ที่ได้เปิดตัวและวางขายไปแล้วในยุโรป โดยในรุ่นนี้พัฒนาขึ้นมาบนแพลตฟอร์ม BYD e-Platform 3.0 พร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ CTB ที่เพิ่มความแข็งแรงของตัวถังเข้ามา ขับขี่ได้ไกล 380 กม.
ราคาจำหน่ายบัตร Motor Show 2025
โดยราคาจำหน่ายบัตรเข้างาน Motor Show จำหน่ายใบละ 100 บาท หรือหากต้องการรับสิทธิพิเศษในการเข้างานได้ทุกวัน (12 วัน) โดยไม่ต้องซื้อบัตรใหม่แบบรายวัน ที่มาพร้อมกับที่จอดรถ และการใช้บริการ Dimond Lounge สามารถเลือกซื้อบัตร VIP Dimond Lounge Package ในราคา 999 บาท ได้เช่นกัน
และผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน Motor Show 2025 สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรับบัตรฟรีได้เช่นกัน อาทิ Krungsri Auto แจกบัตรเข้าร่วมงานฟรี 1 สิทธิ์ รับ 2 ใบ เพียงทำการประเมินวงเงินสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลภายในแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto เช่นเดียวกับทางเพจ Bangkok International Motor Show ที่ก็ได้จัดกิจกรรมแจกบัตรเข้างานฟรีถึง 100 ใบ เพียงแค่เข้าไปร่วมกิจกรรมภายในเพจเท่านั้น ยังไม่นับรวมแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ที่ก็แจกบัตรฟรีอีกหลายแบรนด์ อาทิ Deepal และ Ford เป็นต้น

เตรียมซื้อรถ EV ในงาน อย่าลืมโหลดแอปฯ Evolt ไว้รอ!
สำหรับผู้ที่มีแพลนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV ภายในงาน Motor Show 2025 ในปีนี้ อย่าลืมเตรียมความพร้อมก่อนรับรถ ด้วยแอปพลิเคชัน Evolt ที่ใช้สำหรับการค้นหาจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้แบบครบ จบ ในที่เดียว หรือหากใครที่มีรถยนต์ EV ใช้งานอยู่แล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแอปค้นหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าได้เช่นกัน เพราะไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหน ๆ ก็หาพื้นที่ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วทันใจ บอกพิกัดอย่างชัดเจน พร้อมประเภทหัวชาร์จแบบครบวงจรภายในแอปเดียว จะอยู่ที่ไหนก็ชาร์จไฟได้แบบไม่มีสะดุด