5 รถยนต์ไฟฟ้า 2025 เปิดตัวใหม่ ราคาดี พร้อมบุกตลาดรถ EV ในไทย
นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทยก็ยังถือว่ามาแรงและน่าติดตามกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะรถยนต์ EV ที่เปิดตัวพร้อมทำตลาดในเมืองไทย และในบรรดา รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่เปิดตัว พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดรถยนต์ EV ในไทยนั้น ก็มีหลายรุ่นที่น่าติดตามกัน เพราะนอกจากจะมีสเปกเด่น ๆ พร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจแล้ว ยังมีการเปิดตัว รถกระบะไฟฟ้า 100% คันแรกอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ทาง Evolt จะพาคุณมาเจาะสเปกรถยนต์ไฟฟ้า 5 รุ่นมาแรงปี 2025 นี้กัน!
เลือกอ่านได้เลย

1. Deepal E07
รถยนต์ไฟฟ้า 2025 รุ่นแรกที่ต้องรีวิวก็ต้องยกให้กับ Deepal E07 ส่งตรงจาก ChangAn Thailand ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่มีดีไซน์ล้ำสมัย มีทั้งความหรูหราและอเนกประสงค์ในคันเดียวกัน โดดเด่นด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะในด้านการขับขี่ ที่ทำให้การเดินทางราบรื่นในทุกเส้นทาง จะในเมืองหรือนอกเมืองก็ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เรียกว่า เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าลูกผสมระหว่าง Pickup และ SUV ที่ทำออกมาได้ลงตัวมาก ๆ
โดยตัวมอเตอร์ไฟฟ้าพ่วงด้วยแบตเตอรี่ Ternary Lithium (NMC) ความจุ 89.98 kWh รองรับการชาร์จ AC หัวชาร์จ Type 2 สูงสุด 6.6 kW ส่วน DC รองรับหัวชาร์จ CCS2 สูงสุด 240 kW โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) โดยในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถวิ่งได้สูงสุด 640 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 590 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
แน่นอนว่า รายละเอียดปลีกย่อยทั้งภายในและภายนอก ทั้ง 2 รุ่นย่อย ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพราะยังคงคอนเซ็ปต์ “วิลล่าเคลื่อนที่” เช่นเดิม แต่สิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ คือ ไฟหน้าและท้ายที่ล้ำสมัยแบบ Star Ring LED มีหลังคากระจกแบบ Panoramic Glass Roof พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, มือจับประตูไฟฟ้าแบบช่อง Electric Hidden Door Handles ส่วนเบาะนั่งใช้แบบ Zero Gravity และที่ขาดไม่ได้คือ Head-Up Display ขนาด 15.4 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ Sunflower และโหมดการขับขี่ก็มีให้เลือก 4 แบบ คือ ECO, Comfort, Sport และ Customize
มิติตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง 5,045 x 1,996 x 1,695 มม.
- ความยาวฐานล้อ 3,120 มม.
- Ground Clearance 183 มม.
ราคาจำหน่าย Deepal E07
- Deepal E07 Plus RWD ราคา 1,599,000 บาท (ราคาปกติ 1,699,000 บาท)
- Deepal E07 Performance AWD ราคา 1,999,000 บาท (ราคาปกติ 2,099,000 บาท)

2. Riddara RD6
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ รถกระบะไฟฟ้า 100% อย่าง Riddara RD6 ที่ถือว่าเป็นรถกระบะไฟฟ้าคันแรกของเมืองไทย ที่เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน ในราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 899,000 บาท เท่านั้น โดยการออกแบบนั้นจะถูกดีไซน์เพื่อให้สามารถใช้งานได้แบบ Off-Road ลุยน้ำได้สูงสุด 815 มม. รองรับการขับเคลื่อนบนทางลาดชันได้ถึง 95% ภายใต้แพลตฟอร์ม M.A.P (Multiplex Attached Platform)
ส่วนเรื่องการออกแบบก็ถือว่าโดดเด่นมาก ๆ ด้วยโลโก้ RIDDARA ด้านหน้า ที่น่าจะถูกใจสายลุยพอสมควร ส่วนในรุ่นท็อป 86 kWh ก็มีช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าที่มีความจุ 70 ลิตร แถมมาให้อีกต่างหาก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเพิ่มพื้นที่สัมภาระให้กับตัวรถได้อย่างลงตัว ซึ่งตัวรถกระบะไฟฟ้า Riddara RD6 นั้น ก็ยังมีออปชั่นการใช้งานที่ครบครัน อาทิ การเชื่อมต่อที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay, Wi-Fi และ Carbit Link มีแท่นชาร์จมือถือไร้สาย และกล้องมองภาพรอบคัน 540° (ยกเว้นรุ่น 62 kWh) ส่วนระบบกรองอากาศ PM2.5 และ CN95 ก็มีมาให้เช่นกัน
สำหรับตัวแบตเตอรี่มีขนาด 63 kWh, 73 kWn และ 86 kWh โดยระยะทางที่วิ่งได้สูงสุดคือ 461 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) นอกจากนี้ หากใครที่เลือกซื้อกระบะไฟฟ้า Riddara RD6 ก็ยังได้รับการรับประกันแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ประกันตัวรถ 6 ปี หรือ 150,000 กม. ประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ High-Voltage 8 ปี หรือ 200,000 กม. รวมถึงประกันแบตเตอรี่ 12V อีก 1 ปี หรือ 20,000 กม.
มิติตัวถัง
- มิติตัวถัง (ยาว x กว้าง x สูง) 5,260 x 1,900 x 1,880 มม.
- มิติกระบะ (ยาว x กว้าง x สูง) 1,525 x 1,450 x 540 มม.
- ระยะฐานล้อ 3,120 มม.
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มม.
ราคาจำหน่าย Riddara RD6 2025
- RIDDARA RD6 รุ่นแบตเตอรี่ 63 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 899,000 บาท
- RIDDARA RD6 รุ่นแบตเตอรี่ 73 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 999,000 บาท
- RIDDARA RD6 รุ่นแบตเตอรี่ 73 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,149,000 บาท
- RIDDARA RD6 รุ่นแบตเตอรี่ 86 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,299,000 บาท

3. Aion V
อีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้า 100% ส่งตรงจากแดนมังกร ก็ต้องยกให้กับ Aion V รถยนต์ไฟฟ้า SUV 5 ที่นั่ง ที่เป็นกระแสต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ เพราะสามารถนอกจากจะมีออปชั่นเด่น ๆ อย่างเบาะนวดแบบสปาที่ให้การนวดเสมือนจริงแล้ว ยังสามารถปรับรูปแบบการนวดและระดับความแรงได้อีกต่างหาก ซึ่งก็น่าจะตอบโจทย์การขับขี่ทางไกลหรือการลดอากาศเมื่อยล้าได้ด้วย
นอกจากนี้ ภายในรถยังมีตู้เย็นความจุ 6.6 ลิตรมาให้ มีระบบการทำความเย็นและความร้อนในตัว มีโหมดให้เลือกใช้ถึง 4 แบบ รองรับอุณหภูมิตั้งแต่ -15° C ถึง 50° C ทั้งยังมีหลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.14 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดที่สะดวกต่อการชมวิว ส่วนออปชั่นภายในก็มีความครบครัน อาทิ คอนโซลกลางมีแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย มีระบบเสียงระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับซับวูฟเฟอร์และลำโพง 9 ตัว ที่สำคัญคือ มีโต๊ะอเนกประสงค์หลังเบาะที่รับน้ำหนักได้ถึง 10 กก.
สำหรับตัวแบตเตอรี่ไฟฟ้า ใช้ระบบการขับเคลื่อนล้อหน้า FWD มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 204 PS พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion Phosphate (LFP) ความจุ 75.2 kWh ชาร์จ AC ได้สูงสุด 7 kW และ DC สูงสุด 180 kW และสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 602 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) มีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.1 kWh/ 100 กม.
มิติตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง 4,605 x 1,876 x 1,686 มม.
- ความยาวฐานล้อ 2,775 มม.
ราคาจำหน่าย Aion V
- Aion V 602 Luxury ราคา 1,029,000 บาท

4. Geely EX5
อีกหนึ่ง รถยนต์ไฟฟ้า 2025 รุ่นที่น่าจับตาก็คือ Geely EX5 ซึ่งเป็นการนำเข้า CBU จากจีน ที่สร้างบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม Geely Global Electric Architecture (GEA) Platform GEA โดยเป็นการนำมาใช้กับ Geely EX5 เป็นรุ่นแรก เพื่อพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า BEV โดยเฉพาะ ทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นรถ HEV Hybrid ได้อีกด้วย ซึ่งตัวรถใช้แบตเตอรี่ Geely Aegis Short Blade Battery ติดตั้งแบบ CTB Cell-to-Body แน่นอนว่า จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจคือ มอเตอร์และระบบขับเคลื่อนที่ใช้ ได้รับรางวัล 10 Best Powertrain ปี 2024 ของจีน
สำหรับตัวรถนอกจากจะมีการออกแบบที่ดูหรูหราแล้ว ภายในยังมีการใช้ออปชั่นที่ครบครัน เพื่อการใช้งานที่อรรถประโยชน์และตอบโจทย์คนยุคใหม่ อาทิ หน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 15.4 นิ้ว ตัวรถรองรับระบบ Apple CarPlay สามารถสั่งงานด้วยเสียง Hello GEELY ได้ ทั้งยังมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ที่มีกำลังชาร์จถึง 15 W ส่วนในรุ่น EX5 MAX ถูกเพิ่มหลังคากระจก Panoramic Roof เปิด – ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ทั้งยังมีม่านบังแดดหลังคาแบบทึบร่วมด้วย
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้น ใช้แบต Lithium-ion (LFP) Short Blade Battery ความจุ 60.22 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า Front-Wheel Drive ให้กำลังสูงสุด 218 PS แรงบิด 320 นิวตันเมตร ในรุ่น Geely EX5 Pro วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 495 กม. ส่วนรุ่น EX5 Max วิ่งได้ไกลสูงสุด 490 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
มิติตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง 4,615 x 1,901 x 1,670 มม.
- ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,750 มม.
ราคาจำหน่าย Geely EX5
- Geely EX5 Pro ราคา 850,000 บาท
- Geely EX5 Max ราคา 949,000 บาท

5. Leapmotor C10
และที่ขาดไม่ได้ของรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดตัวและจำหน่ายในปี 2025 ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นคือ Leapmotor C10 ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่ถูกออกแบบให้มีความอรรถประโยชน์ ทั้งพื้นที่สัมภาระและห้องโดยสารที่กว้างขวาง มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน และที่โดดเด่นมาก ๆ คือ ระบบปฏิบัติการ LEAP OS 4.0 ที่ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยให้การใช้งานรถง่ายมากขึ้น พร้อมกับชิป Qualcomm Snapdragon 8115
นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบให้มีความลงตัวระหว่างเส้นสายแนวนอนและความโค้งของตัวรถ ไฟหน้าใช้ LED แบบ Angle – Wing ที่มาพร้อมกับ DRL แบบ Sequential ส่วนตัวรถยังใช้ระบบ Active Grille Shutter (AGS) ที่พัฒนามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแอโรไดนามิกโดยเฉพาะ ส่วนตัวล้ออัลลอยก็ออกแบบให้ใช้ลาย Trident ที่ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือ หลังคา Panoramic Sunroof ขนาด 2.1 ตร.ม.
ส่วนตัวแบตเตอรี่ของตัวรถ Leapmotor C10 ใช้ระบบการขับเคลื่อนล้อหลัง RWD มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 218 PS พ่วงแบตเตอรี่ Lithium – ion ความจุ 69.9 kWh รองรับการชาร์จ Type 2 และ CCS Combo สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 477 กม. (มาตรฐาน NEDC)
มิติตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง 4,739 x 1,900 x 1,680 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,825 มม.
ราคาจำหน่าย Leapmotor C10
- Leapmotor C10 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,098,000 บาท (นำเข้า CBU)
อุ่นใจทุกการเดินทาง ด้วยจุดชาร์จรถไฟฟ้าทั่วไทยจาก Evolt
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวและวางจำหน่ายมาก่อนหน้า หรือรถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่หลาย ๆ คนเพิ่งถอยรถใหม่ป้ายแดงมาใช้กันแบบหมาด ๆ ก็สามารถมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง กับจุดให้บริการชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศไทยจากทาง Evolt ที่ในปัจจุบันนี้มีการขยายพื้นที่ให้บริการ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า หรือ EV Charging Station อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตะวันออก หรือตะวันตก ก็มีจุดชาร์จให้บริการอย่างมากมาย ทั้งจากทาง Evolt หรือจากทาง Partner เพียงแค่ค้นหาสถานีชาร์จแบบง่าย ๆ ผ่านทาง Application เพียงเท่านี้ ก็สามารถเช็กพื้นที่ให้บริการพร้อมแผนที่การเดินทางได้ผ่านแอปฯ