อยากติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน เลือก EV Wall Charger ยี่ห้อไหนดี?
การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน นอกเหนือจากการเลือกรถให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานแล้ว การเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ก็นับว่าสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ที่ติดตั้ง และกำลังไฟที่ต้องไม่มากเกินไป จนส่งผลต่อระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพราะฉะนั้น ทางอีโวลท์จะพาชาวแก๊ง EV มาดูกัน ว่าในปี 2025 นี้ มีเครื่องชาร์จ EV Wall Charger ยี่ห้อไหนดีบ้าง ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย และติดตั้งไม่ยาก
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ติดตั้งเครื่องชาร์จรถ EV Wall Charger มีดียังไง?
โดยปกติแล้วการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน หรือ Home Charger สำหรับรถยนต์ EV จะนิยมการติดตั้งเครื่องชาร์จประเภท Wallbox หรือ Wall Charger ซึ่งเป็นเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งได้บนผนังบ้านหรือตามกำแพงบ้าน โดยที่ให้ประสิทธิภาพในการชาร์จเหมือนกับเครื่องชาร์จประเภทเสาที่คุ้นชินกัน
ซึ่งการติดตั้งเครื่องชาร์จประเภท Wallbox จะมีข้อดีที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง น้ำหนักเบา กะทัดรัด และติดตั้งง่าย โดยในปัจจุบัน Wallbox EV Charger มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่ออุปกรณ์มือถือผ่านทาง Bluetooth, Wifi และ Cellular ทำให้ควบคุมการทำงานได้อย่างง่ายดาย และติดตามสถานะในการชาร์จไฟได้แบบ Real Time ผ่านทางมือถือ
เลือกเครื่องชาร์จรถ EV Wall Charger ต้องดูอะไรบ้าง?
สำหรับการเลือกเครื่องชาร์จรถ EV Wall Charger จะต้องดูหลาย ๆ องค์ประกอบร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้าน, ขนาดสายไฟเมน, ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB), เครื่องตัดไฟรั่ว, เต้ารับ และตำแหน่งสำหรับติดตั้ง Wall Charger
- กำลังไฟฟ้าและความเร็วในการชาร์จไฟ ซึ่งควรเลือกใช้เครื่องชาร์จที่เหมาะสมกับความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเครื่องชาร์จแต่ละรุ่นก็จะมีระดับของกำลังไฟที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 3.6 kW ไปจนถึง 22 kW
- ประเภทของหัวชาร์จที่รองรับกับรุ่นของรถยนต์ EV โดยในปัจจุบันหัวชาร์จที่ใช้ในประเทศไทย ส่วนมากจะเป็นรุ่น Type 2
- มาตรฐานและความปลอดภัยของ EV Wall Charger ที่ไม่ได้มีแค่การรับรองมาตรฐานจาก CE, UL และ TUV เท่านั้นที่สำคัญ แต่ต้องมีมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น (IP) ด้วยเช่นกัน ส่วนฟังก์ชันความปลอดภัยอื่น ๆ ก็มีหลายรายการที่สำคัญเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ การป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และการป้องกันการโอเวอร์โหลด (Overload)
- ฟังก์ชันการเชื่อมต่อของเครื่องชาร์จ EV ซึ่งเป็นฟังก์ชันเสริมที่สามารถมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะเครื่องชาร์ประเภท Wallbox บางรุ่น ก็ออกแบบมาให้ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ได้รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน แต่บางรุ่นก็จะมี Application มาให้ใช้งานร่วมกันได้ด้วย
- การรับประกันหลังการขายและการติดตั้ง ซึ่งผู้ให้บริการติดตั้ง Home Charger ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม ควรมีบริการหลังการติดตั้งให้ด้วย รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ การเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านทุกชนิด โดยเฉพาะ Wall Charger จะมีราคาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและขีดความสามารถในการใช้งาน อาทิ Wallbox EN+ Caro Pro 22 kW ที่เน้นการใช้งานง่าย กะทัดรัด รองรับการชาร์จด้วยระบบ PV Charging ที่ช่วยให้ประหยัดไฟมากขึ้น ด้วยราคาเพียง 31,900 บาท (ไม่รวมติดตั้ง) เท่านั้น
แนะนำเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน Wall Charger ที่น่าใช้ปีนี้!
สำหรับสาย EV คงตัดสินใจกันยากพอสมควร ว่าจะเลือก Wall Charger ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถใช้งานได้ตรงกับความต้องการ และเหมาะสมกับตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่เลือกใช้ ซึ่งทางอีโวลท์จะมาแนะนำ Home Charger ประเภท Wallbox ให้ชาวแก๊ง EV ได้ดูกัน ว่ามีรุ่นไหนบ้างที่น่าใช้ พร้อมราคาเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ปี 2025 ส่งตรงจาก Plughaus Thailand
1. Teison Smart Mini
สำหรับเครื่องชาร์จราคาย่อมเยา ก็ต้องยกให้กับ Teison Smart Mini ที่เหมาะสำหรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ไม่เน้นฟังก์ชันมากนัก เพราะตัวเครื่องออกแบบมาให้เสียบแล้วชาร์จได้เลย แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือ การมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ครบครัน สำหรับการใช้งานเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
- มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น IP65
- รองรับระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส กำลังไฟสูงสุด 7.4 kW
- มีความยาวสายไฟให้เลือกตั้งแต่ 5 – 7 เมตร
- ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกแบรนด์ ที่รองรับ Type 2
ราคาจำหน่ายเครื่องชาร์จ Teison Smart Mini
- ค่าเครื่องพร้อมบริการติดตั้ง ราคา 25,900 บาท
- ค่าเครื่องพร้อมบริการติดตั้ง และระบบไฟฟ้าวงจรที่ 2 ราคา 34,900 บาท
2. EN+ Caro Series
หากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องการอัปเกรดเครื่องชาร์จ Wallbox ให้มีฟังก์ชันที่ครบครันมากขึ้นในการใช้งาน ด้วยการเพิ่มงบประมาณมาสักหน่อย ก็สามารถเลือก EN+ Caro Series สำหรับติดตั้งที่บ้านได้เช่นกัน เพราะเป็นเครื่องชาร์จที่มาพร้อมกับระบบการชาร์จที่ควบคุมด้วยระบบ Dynamic Load Management พร้อมการเชื่อมต่อที่รองรับทั้ง Wi – Fi และ Bluetooth ทั้งยังมี Application EV Chargo ให้ใช้งานได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ และมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่น่าสนใจอีกมาก อาทิ
- มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น IP65
- มาตรฐานการกันกระแทก IK8
- รองรับระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส กำลังไฟ 7.4 kW
- ใช้หัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Type 2
- มีโหมดการชาร์จอัจฉริยะ RFID และ Plug & Play
- มีระบบ Load Balance ที่ทำให้การชาร์จมีประสิทธิภาพ
- มาพร้อมระบบไฟแบบ Multi Colored RGB Light Indication
ราคาจำหน่ายเครื่องชาร์จ EN+ Caro Series
- ค่าเครื่องพร้อมบริการติดตั้ง ราคา 34,900 บาท
- ค่าเครื่องพร้อมบริการติดตั้ง และระบบไฟฟ้าวงจรที่ 2 ราคา 43,900 บาท
3. EN+ Caro Pro
อีกหนึ่ง Wall Charger ที่น่าใช้ก็คือ EN+ Caro Pro ซึ่งเป็นรุ่นที่มีออปชั่นครบมากที่สุดในบรรดาเครื่องชาร์จของทาง Plughaus เพราะเป็น Wallbox ที่รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุดถึงระดับ 22 kW ด้วยระบบไฟฟ้า 3 เฟส ซึ่งตอบโจทย์สำหรับครอบครัวที่อาจจะมีรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 1 คัน หรืออาจจะเป็นผู้ที่ทำ Home Office ก็ได้เช่นกัน ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่สูง ชาร์จได้ไว และทำงานได้ผ่านแอปฯ มีฟังก์ชันที่เทียบเท่ากับรุ่น EN+ Caro Series แตกต่างกันเพียงกำลังไฟ และมาตรฐานการกันกระแทก IK10 ที่ถูกเพิ่มเข้ามา
ราคาจำหน่ายเครื่องชาร์จ EN+ Caro Pro
- ค่าเครื่องพร้อมบริการติดตั้ง ราคา 46,900 บาท
- ค่าเครื่องพร้อมบริการติดตั้ง และระบบไฟฟ้าวงจรที่ 2 ราคา 60,800 บาท
สรุป
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ได้วิธีการเลือก Wallbox กันไปแล้ว ก็สามารถนำไปเป็นแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้เช่นกัน และหากต้องการติดตั้ง Home Charger ที่มีมาตรฐาน การันตีความปลอดภัยได้ด้วยการติดตั้ง Wall Charger EV จากทางทีมงานที่มากประสบการณ์ สามารถเลือกติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านกับทาง PlugHaus Thailand ได้เช่นกัน เริ่มต้นเพียงแค่ 25,900 บาทเท่านั้น หรือหากใครที่เดินทางไกลและต้องการชาร์จไฟนอกบ้าน ก็สามารถ “ค้นหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ใกล้คุณได้ง่าย ๆ เพียงดาวน์โหลด Application Evolt เท่านั้น
