BLOGBLOG
back

มาตรฐานการป้องกัน IP ของ EV Charger คืออะไร แล้วต้องดูยังไง?

เชื่อว่าหนึ่งในมาตรฐานการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟ สิ่งที่ผู้ใช้ต้องเคยเห็นผ่านตาก็คือ ค่า IP หรือ มาตรฐานการป้องกัน IP ที่เป็นเสมือนมาตรฐานที่ช่วยการันตีความปลอดภัยของการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น ๆ รวมถึงขีดความสามารถในการป้องกันในด้านที่กำหนด เช่นเดียวกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งเครื่องชาร์จตามสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องชาร์จประเภท Home Charger ที่ก็ต้องมีค่า IP ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น Evolt Technology จะพาคุณมาทำความรู้จักกับมาตรฐาน IP กันให้มากขึ้น ว่ามีหน้าที่อย่างไร แล้วมีวิธีดูยังไงบ้าง

มาตรฐาน IP คืออะไร?

มาตรฐาน IP Code ย่อมาจากคำว่า Ingress Protection Code เป็นมาตรฐานการกันฝุ่นและน้ำของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยจะใช้ IP Rating เป็นมาตรฐานสำหรับการบอกระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำของอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิด โดยมาตรฐาน IP นี้ เป็นมาตรฐานที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย IEC (International Electrotechnical Commission) โดยเป็นมาตรฐานที่เทียบเท่ากับมาตรฐานยุโรป หรือ EN 60529 นั่นเอง

โดยการระบุมาตรฐานด้วย IP Code จะเป็นการระบุตัวเองเอาไว้หลังตัวอักษร I และ P เพื่อบอกระดับการป้องกัน โดยตัวเลขแรกจะหมายถึงระดับการป้องกันฝุ่น ซึ่งมีตั้งแต่ระดับ 0 – 6 และตัวเลขหลักที่สองหรือตัวสุดท้ายของมาตรฐาน IP จะหมายถึงระดับการป้องกันน้ำ โดยมีตั้งแต่ระดับ 0 – 9

นั่นหมายความว่า หากตัวเลข IP Code ของ EV Charger คือ IP67 ก็จะหมายถึงเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่นนี้ สามารถป้องกันฝุ่นได้ 100% เนื่องจากตัวเลขแรกหลังรหัส IP คือเลข 6 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุด ส่วนการป้องกันน้ำอยู่ในระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับที่ป้องกันได้ทั้งการแทรกซึมของน้ำ และสามารถแช่น้ำได้นานถึง 30 นาที เพราะฉะนั้น หากใครอยากรู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ กันฝนได้ไหม หรือกันน้ำได้ที่ระดับไหนบ้าง จะต้องดูที่ตัวเลขหลักสุดท้ายของมาตรฐาน IP นั่นเอง

มาตรฐานการป้องกัน IP Rating

การดูมาตรฐาน IP Code

อย่างที่อธิบายไปในข้างต้นว่า การดูมาตรฐานของ IP จะต้องดูจากรหัสหรือตัวเลขหลังตัวอักษร I และ P ที่จะบอกระดับความสามารถของการป้องกันฝุ่นและน้ำ โดยความหมายของตัวเลขแต่ละหลัก สามารถจำแนกออกได้ง่าย ๆ ดังนี้

ตัวเลขหลักที่ 1 ของมาตรฐาน IP (ป้องกันของแข็ง/ฝุ่น)

  • 0 หมายถึง ไม่มีการป้องกันใด ๆ
  • 1 หมายถึง ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 50 mm ขึ้นไป
  • 2 หมายถึง ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 12 mm ขึ้นไป
  • 3 หมายถึง ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 2.5 mm ขึ้นไป
  • 4หมายถึง ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 1 mm ขึ้นไป
  • 5 หมายถึง การป้องกันฝุ่นได้ แต่อาจมีฝุ่นเล็กน้อยที่เล็ดลอดเข้าไป และต้องไม่มีผลต่อการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ
  • 6 หมายถึง การป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ โดยมาตรฐานที่ได้ระดับ 6 จะถูกทดสอบบนพื้นที่ที่มีการไหลเวียนของอากาศและฝุ่นเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมง

ตัวเลขหลักที่ 2 ของมาตรฐาน IP (ป้องกันของเหลว/น้ำ)

  • 0 หมายถึง ไม่มีการป้องกันใด ๆ
  • 1 หมายถึง การป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวตั้งกับตัวอุปกรณ์เท่านั้น
  • 2 หมายถึง การป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวเฉียงรอบตัวอุปกรณ์ได้สูงสุด 15 องศา
  • 3 หมายถึง การป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบในแนวเฉียง ที่ทำมุมได้สูงสุดที่ 60 องศา
  • 4 หมายถึง การป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบกับอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
  • 5 หมายถึง การป้องกันน้ำจากการฉีดที่ตัวอุปกรณ์ได้ทุกทิศทาง
  • 6 หมายถึง การป้องกันการฉีดแบบรุนแรงที่ตัวอุปกรณ์ได้ทุกทิศทาง
  • 6K หมายถึง การป้องกันการฉีดด้วยแรงดันสูงที่ตัวอุปกรณ์ได้ทุกทิศทาง
  • 7 หมายถึง การป้องกันการแทรกซึมของน้ำและการแช่ของตัวอุปกรณ์ในน้ำ สูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
  • 8 หมายถึง การป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวของอุปกรณ์ได้แบบถาวร
  • 9K หมายถึง การป้องกันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงที่ตัวอุปกรณ์ และทนต่ออุณหภูมิน้ำได้สูงสุดที่ 80 องศาเซลเซียส

หมายเหตุ: ตัวอักษร K ที่ระบุเอาไว้หลังตัวเลขหลักที่สองของมาตรฐาน IP ทั้ง 6K และ 9K เปรียบเสมือนขีดความสามารถของอุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาจากตัวเลขเดิม เช่น เลข 6K สามารถรองรับการฉีดน้ำได้เหมือนกันในทุกทิศทาง แต่สามารถป้องกันอุปกรณ์ได้เมื่อฉีดด้วยแรงดันสูง ต่างจากเลข 6 ที่จะป้องกันได้เฉพาะการฉีดแบบรุนแรงเท่านั้น

วิธีการดูมาตรฐาน IP Code ป้องกันฝุ่นและน้ำ ของ IP68

มาตรฐานการป้องกันอื่น ๆ หลังรหัส IP Code

นอกเหนือจากรหัสตัวเลขที่ระบุหลังมาตรฐาน IP Code แล้ว ยังมีตัวอักษรที่บอกขีดความสามารถในด้านของการป้องกันอื่น ๆ ที่น่ารู้เช่นกัน โดยจะใช้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ดังนี้

  • F คือ การป้องกันน้ำมัน
  • H คือ การป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันสูง
  • M คือ อุปกรณ์มีการเคลื่อนที่ในขณะที่ทดสอบการป้องกันน้ำ
  • S คือ อุปกรณ์ไม่มีการเคลื่อนที่ในขณะที่ทดสอบการป้องกันน้ำ
  • W คือ ความทนทานต่อสภาพอากาศทางธรรมชาติ

มาตรฐาน IP ที่พบได้บ่อยในเครื่องใช้ไฟฟ้า 

มาตรฐาน IP ที่เจอได้บ่อย ๆ ในเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักรหลาย ๆ ชนิด เชื่อว่ามีหลายคนที่น่าจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น

  • IP54 เป็นอุปกรณ์ที่รองรับทั้งการป้องกันฝุ่นและน้ำ ซึ่งอาจจะมีฝุ่นที่เล็ดลอดเข้าไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ส่งผลต่อการทำงานหรือประสิทธิภาพของอุปกรณ์นั้น ๆ
  • IP65 เป็นมาตรฐานที่ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ สามารถป้องกันน้ำจากการฉีดที่ตัวอุปกรณ์ได้ทุกทิศทาง เช่น Home Charger รุ่น Teison Smart Mini ที่ทาง PlugHaus Thailand จำหน่าย
  • IP66 เป็นมาตรฐานที่สามารถป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และสามารถป้องกันน้ำจากการฉีดแบบรุนแรงได้ทุกทิศทาง  
  • IP66K เป็นมาตรฐานที่ป้องกันน้ำและฝุ่นได้เทียบเท่ากับ IP66 แต่มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นมาคือ ป้องกันการฉีดแบบแรงดันสูงได้จากทุกทิศทาง
  • IP67 คือมาตรฐานที่บอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น ๆ ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวของอุปกรณ์ได้สูงสุดที่ความลึก 1 เมตร นาน 30 นาที เช่น EV Charger ของทาง Evolt ที่ใช้มาตรฐาน IP67 ในหลาย ๆ สถานีชาร์จ
  • IP68 เป็นอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานการป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ตัวเครื่องสามารถป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวของอุปกรณ์ได้แบบถาวร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งาน
  • IP69K คือมาตรฐานการกันฝุ่นแบบสมบูรณ์ โดยที่สามารถป้องกันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงได้ ทนต่ออุณหภูมิน้ำที่สูงสุดถึงระดับ 80 องศาเซลเซียส
มั่นใจทุกการชาร์จ ด้วยมาตรฐาน IP ของ Evolt

มั่นใจทุกการชาร์จ ด้วยมาตรฐาน IP ของ Evolt

โดยมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นของทาง Evolt จะมีทั้ง IP54, IP65 และ IP67 ซึ่งเครื่องชาร์จแต่ละรุ่นก็จะเหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ หากเป็นมาตรฐาน IP67 จะเป็นเครื่องชาร์จที่สามารถป้องกันฝุ่นได้เต็มรูปแบบ และสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 3 เมตร นาน 30 นาที

โดยมาตรฐาน IP ดังกล่าวนี้ จะนิยมติดตั้ง EV Charger ในพื้นที่ที่โล่งแจ้ง หรือเป็นสถานีชาร์จที่มีโอกาสเจอน้ำและฝุ่นโดยตรง อาทิ ปั๊มน้ำมัน รวมถึงกลุ่มธุรกิจ EV Fleet ที่นิยมติดตั้งเครื่องชาร์จสำหรับรถฟลีทที่ใช้ในการดำเนินกิจการด้านโลจิสติกส์ เพราะฉะนั้น ผู้ใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากทาง Evolt สามารถใช้งานสถานีชาร์จของทางอีโวลท์ได้อย่างมั่นใจ ทั้งในด้านของความปลอดภัยในการชาร์จไฟในทุก ๆ สภาวะและในทุกสภาพอากาศ