เทียบชัด ๆ EV Charger Station กับ Home Charger ต่างกันยังไงบ้าง?
การใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV นั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากคือ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger ซึ่งในปัจจุบันนี้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ คน ต่างก็เลือกติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน เพื่อความสะดวกในการใช้งานที่มากกว่า เช่นเดียวกับผู้ใช้รถบางคน ที่ก็อาจจะเลือกใช้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้ามากกว่า เพราะไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง และการบำรุงรักษาในระยะยาว เพราะฉะนั้น เราจะพาคุณมาดูกันว่า ระหว่างการใช้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger Station กับการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน หรือ Home Charger นั้น แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
เลือกอ่านได้เลย

EV Charger Station หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า คือ?
EV Charger เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่ให้บริการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน โรงแรม เรียกง่าย ๆ ว่า เป็นพื้นที่ที่ให้บริการชาร์จไฟสาธารณะ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้บริการชาร์จไฟได้ โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ โดยจะมีรูปแบบการชาร์จ 2 แบบ คือ AC Charger (การชาร์จแบบธรรมดา) และ DC Charger (การชาร์จแบบเร็ว) ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องของระยะเวลาที่ใช้ ราคาค่าชาร์จไฟต่อหน่วย และที่ขาดไม่ได้คือ กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในวงจร
โดยปัจจุบันการชาร์จแบบ DC Charger ในประเทศไทยจะนิยมใช้แบบ CCS Type 2 (CCS Combo 2) เพราะเป็นหัวชาร์จที่นิยมในยุโรปและนิยมใช้มากที่สุดในโลก มีขนาดใหญ่และให้กำลังไฟมากกว่า CCS Type 1 ที่มีขนาดเล็กกว่า ส่วนการชาร์จแบบ CHAdeMo และ GB/T จะไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ (สำหรับตู้ชาร์จไฟประเภท DC Charger ของทาง Evolt ใช้หัวชาร์จแบบ CCS Type 2)

ข้อดีของการใช้บริการ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า
- มีพื้นที่ให้บริการหลากหลาย ครอบคลุม สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความสะดวก
- ประหยัดค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่น ค่าบำรุงรักษาเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า(Home Charger)
- แบกรับแค่ค่าบริการชาร์จไฟ บางพื้นที่สามารถชาร์จไฟได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
- ไม่ต้องวางระบบไฟฟ้าในบ้านใหม่ เพื่อให้เพียงพอต่อการชาร์จไฟที่บ้าน
- เลือกใช้บริการได้ทั้งแบบ AC Charger และ DC Charger
- เหมาะกับผู้ที่อยู่คอนโด หอพัก หรืออพาร์ตเมนต์ ที่มีพื้นที่จำกัดในการติดตั้งเครื่องชาร์จ
ข้อจำกัดการใช้บริการ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า
- อาจมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา เช่น ในเวลาเร่งด่วน ที่อาจมีตู้ชาร์จไม่เพียงพอในบางพื้นที่
- ต้องวางแผนในการชาร์จไฟเสมอ เพื่อการใช้งานรถที่ต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาแบตเหลือน้อย
- ควรเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐาน และปลอดภัยในการใช้งาน
- การชาร์จแบบ DC Charger ในเวลาเร่งด่วน มีราคาค่าชาร์จไฟที่แพงกว่าแบบ AC Charger
“การชาร์จแบบ AC Charger ตัวกระแสไฟฟ้าจะเข้าสู่ On Board Charger ก่อน แล้วค่อยแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสตรงเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ แต่การชาร์จแบบ DC Charger กระแสไฟจะเข้าสู่แบตเตอรี่เลยโดยไม่ผ่าน On Board Charger จึงทำให้ชาร์จไฟได้เร็ว ใช้เวลาแค่ 30 นาที ก็สามารถชาร์จไฟจาก 10% ถึง 80% ได้แล้ว”

Home Charger หรือ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน คือ?
คำว่า Home Charger หรือ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ก็มีความคล้ายกันกับ EV Charger Station คือทำหน้าที่ชาร์จไฟเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันคือ เป็นการชาร์จไฟด้วยเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบส่วนตัว ไม่ได้ใช้ร่วมกันกับผู้อื่น หรือก็คือการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน เพื่อใช้งานในครัวเรือนเท่านั้น ตัวเครื่องชาร์จจึงถูกออกแบบมาให้เป็นการชาร์จแบบ AC Charger เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการชาร์จไฟ ไม่ต้องชาร์จในเวลาเร่งรีบเหมือนสถานีชาร์จ และสามารถชาร์จไฟทิ้งไว้ได้ โดยที่ไม่ต้องมาถอดหัวชาร์จออกเมื่อชาร์จเสร็จแล้ว ต่างจากการใช้บริการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามสถานีชาร์จ ที่เมื่อชาร์จเสร็จก็ต้องถอดหัวชาร์จออกทันที เพื่อให้ผู้ใช้รถคนอื่น ๆ มาใช้งานต่อได้
ข้อดีของการใช้ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน
- มีความสะดวกในการใช้งาน จะชาร์จไฟในเวลาไหนก็ได้ ไม่ต้องจองเหมือนตู้ชาร์จไฟตามสถานี
- ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟต่อครั้ง เพราะชำระเป็นค่าไฟบ้านแบบรายเดือนแทน
- สามารถติดตามข้อมูลการชาร์จได้แบบง่าย ๆ ผ่านทางแอปพลิเคชันของเครื่องชาร์จ
- ส่วนมากเครื่องชาร์จจะมีแอปบันทึกการใช้ไฟ สามารถคำนวณค่าไฟแยกได้
- กำหนดเวลาการชาร์จและหยุดชาร์จได้ง่าย ๆ ตามที่ต้องการ
- ในปัจจุบันมีเครื่องชาร์จหลายแบรนด์ที่น่าสนใจ ที่มีมาตรฐานและปลอดภัย
- บางแบรนด์รถยนต์ EV จะแถมเครื่องชาร์จให้ด้วย ไม่ต้องเสียค่าเครื่องชาร์จเอง
- เครื่องชาร์จหลาย ๆ รุ่น ถูกออกแบบให้มีดีไซน์กะทัดรัด ติดตั้งง่าย เช่น Wallbox และ En+ Caro Series
ข้อจำกัดของการใช้ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน
- ต้องเลือกเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน ปลอดดภัย และผ่านเกณฑ์ของ PEA และ MEA
- ต้องติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และระบบไฟฟ้าของบ้าน
- หากระบบไฟฟ้าที่บ้านไม่เพียงพอในการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน ต้องดำเนินการเปลี่ยนมิเตอร์
- ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเครื่องชาร์จที่ต้องการติดตั้งที่บ้าน และค่าบำรุงรักษาในระยะยาว

ใช้รถ EV เลือกใช้เครื่องชาร์จตามสถานี หรือติดตั้งที่ชาร์จดีกว่ากัน?
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV ที่กำลังลังเลว่า ควรจะเลือกติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน หรือว่าจะเลือกใช้บริการที่ EV Charger Station ดีกว่ากัน? จริง ๆ แล้วการใช้งานทั้งสองแบบถือว่ามีความสะดวกและข้อดีคนละแบบ แต่โดยส่วนมากแล้วผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเลือกติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน เพราะว่ามีความสะดวกสบายมากกว่า สามารถชาร์จไฟเวลาไหนก็ได้ ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับมิเตอร์ TOU ก็ยิ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นในระยะยาว
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า การใช้รถยนต์ไม่ได้จำกัดแค่การใช้ในพื้นที่ใกล้ ๆ เช่น ใช้แค่แถวบ้านและเดินทางไปทำงานเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็มีหลายคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการเดินทางไกล เพราะฉะนั้น ก็ยังคงต้องใช้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดิม เพียงแค่ไม่ได้ใช้ตลอดเวลา เพราะสุดท้ายก็ต้องใช้ Home Charger เป็นหลัก ส่วนการใช้บริการที่สถานีชาร์จ อาจจะใช้ในการเดินทางไกล หรือว่าในวันที่พลังงานแบตเตอรี่อาจจะไม่เพียงพอ

เพราะฉะนั้น หากคุณมีพื้นที่ที่สามารถติดตั้ง Home Charger ได้ ทางอีโวลท์แนะนำว่า ให้เลือกติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านเอาไว้จะดีมากกว่า เพราะสามารถเซฟค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว แล้วเลือกใช้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเวลาที่เดินทางออกไปข้างนอก แล้วปริมาณกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือน้อย หรือว่าในยามเดินทางไกลจะดีมากกว่า