BLOGBLOG
back

ใช้รถยนต์ไฟฟ้า มีข้อดี – ข้อเสีย อะไรบ้าง รู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อรถ EV!

การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้งาน โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV นั้น ผู้ใช้รถก็ต้องพิจารณาความคุ้มค่าให้ดีเสียก่อน ว่าข้อดี – ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า มีอะไรบ้าง แล้วถ้าซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้จะตอบโจทย์การใช้งานหรือไม่ เพราะฉะนั้น ทางอีโวลท์จะพาคุณมาเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกว่า ข้อดี ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า มีอะไรบ้าง แล้วการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ มีผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ตอบครบทุกข้อสงสัยในบทความเดียว!

ทำความเข้าใจ ข้อดีและข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า และผลกระทบที่มี

รถยนต์ไฟฟ้า คือ?

รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV (Electric Vehicle) คือ ยานพาหนะที่ใช้แบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน แทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป ซึ่งรถยนต์ EV จะมีการเก็บพลังงานไฟฟ้าเอาไว้ที่แบตเตอรี่ เมื่อพลังงานไฟฟ้าใกล้หมดก็สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปใหม่ได้ โดยระยะทางที่สามารถใช้งานได้ในแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่ ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าคือ มีกลไกลที่ไม่ซับซ้อนเหมือนกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายแฝงน้อยกว่า และที่สำคัญคือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แบบ 100% จะไม่มีการปล่อยไอเสียจากการเผาไหม้ เรียกง่าย ๆ ว่า CO2 เป็นศูนย์นั่นเอง

โดยในปัจจุบันนี้ รถยนต์ไฟฟ้า ก็จะมีการแยกประเภทออกไปตามรูปแบบของตัวรถ โดยแต่ละประเภทก็จะมีจุดเด่นและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฮบริด (HEV), รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), รถยนต์ไฟฟ้าประเภทเซลล์เชื้อเพลิง ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV) และประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้คือ รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ใช้ไฟฟ้า (BEV) ซึ่งรถยนต์อีวีชนิดนี้จะใช้ไฟฟ้าแบบ 100% และไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือการปล่อยไอเสียเลยแม้แต่นิดเดียว

ข้อดี – ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้ใช้รถควรรู้

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่ม BEV นั้น ถือว่าเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในเมืองไทย ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีค่ายรถยนต์หลากหลายค่ายที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย และมีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในราคาสบายกระเป๋า และที่สำคัญคือ มีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้รถได้มากขึ้น

1. ช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง/พลังงาน

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้มีข้อดีแค่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลาย ๆ ทาง หนึ่งในนั้นคือค่าพลังงานเฉลี่ยต่อเดือน ที่หากลองมาเทียบกับการใช้รถยนต์สันดาปหรือรถที่ใช้น้ำมันทั่ว ๆ ไปแล้ว แตกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจะจ่ายค่าไฟตามหน่วยที่ใช้ ต่อให้ไม่ได้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน แล้วเลือกใช้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก ก็ยังประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าพลังงานมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ การใช้รถยนต์ประเภทน้ำมัน ยังมีความผันผวนเรื่องราคาน้ำมันด้วย เช่น ต่อให้รถยนต์ใช้ Gasohol (E20) ก็ยังมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละประมาณ 30 – 33 บาท หรือหากเป็น Gasohol 95 ก็อยู่ที่ลิตรละประมาณ 33 – 35 บาท ในขณะที่ค่าชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า หากเลือกใช้หัวชาร์จประเภท AC Charger จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 8 – 10 บาท/หน่วย เท่านั้น ยิ่งถ้าชาร์จไฟด้วยที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านก็ยิ่งมีราคาที่ถูกลงมาอีกเกือบ ๆ 40% ของราคาค่าชาร์จไฟตามสถานี (หากใช้มิเตอร์ TOU แล้วชาร์จไฟในเวลา Off-Peak ก็ยิ่งมีราคาที่ถูกลง)

2. เซฟค่าใช้จ่ายเรื่องค่าบำรุงรักษา

นอกจากค่าพลังงานที่ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ EV ได้แล้ว อีกหนึ่ง ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้เปรียบกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็คือ ค่าบำรุงรักษา หรือก็คือค่า Maintain ที่รถยนต์สันดาปต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ปกติจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันทุก ๆ 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะไม่ได้ใช้น้ำมันและไม่มีเครื่องยนต์นั่นเอง และที่สำคัญคือ การบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก และเข้าศูนย์เช็กระยะไม่บ่อยเท่ากับรถสันดาป

3. ช่วยลดมลพิษทางเสียง และมลพิษทางอากาศ

อีกหนึ่งข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ก็คือ การลดมลพิษทางเสียงและทางอากาศ ซึ่งทางอากาศจะเห็นได้ชัดคือการไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือไอเสีย เช่นเดียวกับมลพิษทางเสียงที่รถยนต์ EV จะมีเสียงที่เบามาก ๆ จึงทำให้ไม่รบกวนผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ทั้งยังช่วยลดปัญหามลพิษจากสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี (กล่าวโดย ยูกาตะ ชานาดะ รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคของเอเชีย และโอเชียเนีย) ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ การทำให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะไม่ต้องปวดหัวจากเสียงการจราจรที่ดังมาก ๆ จนส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวนั่นเอง

ข้อดี – ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้ใช้รถควรรู้

ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า

ถึงแม้ว่ารถยนต์ EV จะมีข้อดีหลายข้อที่น่าสนใจ แต่ว่าข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าก็มีเช่นกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อจำกัดของผู้ใช้รถที่ควรรู้ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่มาใช้งานจริง ๆ เพราะไม่เช่นนั้นการใช้รถก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เท่าที่ควร

1. ข้อจำกัดเรื่องระยะทางในการขับขี่

ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า ที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือ ข้อจำกัดเรื่องระยะทางในการขับขี่ ซึ่งหากเปรียบกับรถยนต์สันดาปก็คือ การเติมน้ำมันเต็มถังจะสามารถใช้งานได้กี่กิโลเมตร เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีข้อจำกัดคือ การชาร์จไฟเต็ม 100% ใน 1 ครั้ง ก็จะมีระยะทางที่จำกัดเอาไว้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ผู้ใช้รถต้องศึกษาให้ดีว่ารถอีวีที่จะเลือกใช้ สามารถวิ่งได้ไกลมากน้อยแค่ไหนต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง เพราะหากต้องเดินทางไกลก็เท่ากับว่าอาจต้องวางแผนการชาร์จไฟที่สถานีชาร์จรถไฟฟ้าระหว่างทางไปด้วย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่เกิดปัญหาพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอ

2. สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบางพื้นที่อาจยังไม่ครอบคลุม

การใช้รถยนต์ไฟฟ้าตามต่างจังหวัด บางครั้งก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาพื้นที่ให้บริการสถานีชาร์จที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการมากนัก เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการใช้รถยนต์อีวี และมีพื้นที่เพียงพอในการติดตั้งเครื่องชาร์จรถ EV แนะนำว่าให้ติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านไว้ได้เลย เพราะจะมีความสะดวกมากกว่า แล้วใช้บริการสถานีชาร์จนอกบ้านเป็นบางครั้งเท่านั้น และอย่าลืมค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในเส้นทางที่ใช้ประจำ เพื่อให้วางแผนในการชาร์จไฟได้ในกรณีที่พลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอ แล้วมีความจำเป็นต้องชาร์จไฟนอกบ้าน

และถึงแม้ว่าในปัจจุบันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อาจจะยังไม่ได้ครอบคลุมในบางพื้นที่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า ผู้ให้บริการสถานีชาร์จต่างก็มีการขยายพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบ AC Charger และ DC Charger ซึ่งในอนาคตปัญหาเรื่องเครื่องชาร์จไม่เพียงพอก็จะลดน้อยลง และทำให้ผู้ใช้รถ EV สามารถใช้รถได้อย่างไร้กังวล

3. ราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ของรถยนต์ BEV

จริงอยู่ที่ว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ จะมีข้อดีคือการประหยัดค่าชาร์จไฟแทนการจ่ายค่าน้ำมัน แต่ราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าก็ถือว่ามีราคาที่สูงเช่นกัน ซึ่งการเปลี่ยนแบตจะขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานของแบตที่ใช้ รวมถึงการชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่เช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้วการชาร์จไฟควรชาร์จแบบกระแสสลับ หรือการชาร์จแบบ AC Charger มากกว่าการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง หรือก็คือการชาร์จแบบ DC Charger / Fast Charge ที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของตัวแบตโดยตรง

เพราะอย่าลืมว่า การใช้รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม คนส่วนมากก็เลือกที่จะใช้งานในระยะยาวเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้น ราคาค่าเปลี่ยนแบตก็เป็นอีกหนึ่งสาระสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะราคาแบตของค่ายรถแต่ละค่ายก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป เมื่อค่าสุขภาพของแบตเตอรี่ State of Health (SoH) ลดลง และเมื่อตรวจสอบด้วยการนำ OBD (On-Board Diagnostics) มาตรวจเช็กแล้วพบว่าแบตเริ่มเสื่อม ใช้เวลาชาร์จนานขึ้นแต่ใช้งานได้น้อยลง มีประสิทธิภาพความจุเหลือน้อย ฯลฯ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที

อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะรับประกันแบตเตอรี่อยู่ที่ 8 ปี ประกันระบบและอุปกรณ์ 4 ปี (บางค่าย) ดังนั้น ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็อาจจะต้องศึกษาอัตราค่าบริการ และค่าแบตเตอรี่เอาไว้ด้วยเช่นกัน เพราะหากต้องเปลี่ยนแบตใหม่จริง ๆ ก็จะได้มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ที่เพียงพอ

“อีกหนึ่งประเด็นที่มีข้อถกเถียงกันอยู่ในตอนนี้ก็คือ การจัดการกับแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า ว่าสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีการที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือ การนำไปใช้ในโรงงานไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าโดยปล่อยมลพิษ หรือนำไปแยกชิ้นส่วนแล้วนำวัตถุดิบที่มีประโยชน์กลับมาใช้ใหม่”

ชาร์จไฟที่สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Evolt ได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย

ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้กังวล ด้วยสถานีชาร์จ Evolt ทั่วไทย

จะเห็นได้เลยว่า ข้อดี – ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า ก็มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า การใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกนั้น จะส่งผลดีต่ออนาคตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ยิ่งในปัจจุบันนี้ที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยและในต่างประเทศ ต่างก็มีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาในตัวรถ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานและมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

และที่สำคัญคือ ไม่ว่าคุณจะใช้รถยนต์ EV ในพื้นที่ใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถใช้บริการ “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” ของทาง Evolt ได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย ซึ่งในปัจจุบันนี้เรามีการขยายจุดชาร์จรถตามสถานีต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มหัวชาร์จประเภท DC Charger ให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยโดยเฉพาะ