ใช้รถ EV ออกทริปปีใหม่ วางแผนการเดินทางยังไง ไม่ต้องรอคิวชาร์จ!
สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV ในการเดินทางช่วงปีใหม่ ไม่ว่าจะขึ้นเหนือ ล่องใต้ เที่ยวชิล ๆ ที่ภาคกลาง แวะตะวันตก หรือจะข้ามไปภาคอีสานเพื่อสัมผัสกับอากาศหนาว ก็ต้องเตรียมตัวและเตรียมแผนการเดินทางให้พร้อม โดยเฉพาะการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ สามารถเดินทางได้อย่างไร้กังวล แถมไม่ต้องเสี่ยงเผชิญกับปัญหาการหาจุดชาร์จรถไฟฟ้า หรือการแย่งกันชาร์จไฟกับผู้ใช้รถยนต์ EV คนอื่น ๆ
เลือกอ่านได้เลย
รวม 5 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม สำหรับคนใช้รถ EV ก่อนเดินทางไกล
การเตรียมความพร้อมในการใช้รถใช้ถนน ไม่ใช่แค่การศึกษาเส้นทางในการเดินทางเท่านั้น แต่การเตรียมความพร้อมให้กับรถยนต์ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะชาว EV ที่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการเดินทาง ที่ต้องหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าตามจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตามเส้นทางที่ใช้ เพราะฉะนั้น ทาง Evolt จะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวสำหรับชาวอีวีกัน ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางช่วงปีใหม่ 2566 นี้!
1. ตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง
โดยปกติแล้วการเตรียมรถก่อนเดินทาง ไม่ใช่แค่รถยนต์สันดาปเท่านั้นที่ต้องเช็ก แต่รถยนต์ EV ก็ต้องตรวจสอบความพร้อมของรถด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ ล้อและยางรถยนต์ ช่วงล่าง ระบบเบรก ระบบไฟฟ้าของรถ เรียกว่า เช็กรถไม่ต่างจากรถสันดาปเลย แต่จะตัดเรื่องของของเหลวที่ใช้ไปเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องระบบไฟฟ้า ยางสำรอง ฯลฯ ก็ยังคงต้องเช็กก่อนเสมอหากต้องเดินทางไกล
2. ก่อนเดินทางไกล อย่าลืมพกสายชาร์จฉุกเฉิน
หนึ่งสิ่งที่คนใช้รถ EV ห้ามมองข้ามก็คือ การพกสายชาร์จฉุกเฉิน (Emergency Charger) ติดรถเอาไว้เสมอ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน หรือในกรณีที่สถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่เลือกใช้ อาจไม่รองรับหรือว่าเกิดชำรุดเสียหาย ซึ่งโดยปกติแล้วสายชาร์จดังกล่าวจะแถมมากับตัวรถอยู่แล้ว ทางที่ดีควรมีติดรถไว้เป็นประจำจะดีที่สุด ไม่ควรนำเข้า ๆ ออก ๆ เช่น การเก็บไว้ในบ้าน หรือนำไปชาร์จกับปลั๊กไฟที่บ้าน เพราะเราควรใช้ Emergency Charger ในยามฉุกเฉินเท่านั้น
3. การวางแผนสำหรับการชาร์จไฟตามจุดชาร์จรถไฟฟ้า
ในการเดินทางไกลต้องยอมรับเลยว่า บางครั้งแบตเตอรี่ของรถอาจไม่เพียงพอในการเดินทาง ดังนั้น ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ควรมีการวางแผนการหาจุดชาร์จรถไฟฟ้า หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ตามเส้นทางที่เลือกใช้อย่างเหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้แบตเหลือจำนวนน้อยค่อยหาที่ชาร์จ เพราะบางครั้งอาจจะเจอปัญหาจุดชาร์จอยู่ไกลเกินไป มีคนใช้งานอยู่ หรือว่าสถานีชาร์จในพื้นที่นั้น ๆ ไม่เพียงพอ เพราะถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการขยายจุดชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศแล้ว แต่ก็ถือว่ายังน้อยกว่าความต้องการของผู้ใช้รถใช้ถนน และทางที่ดีควรชาร์จไฟให้เต็มก่อนออกเดินทาง เพื่อไม่ให้ต้องคอยแวะหาที่ชาร์จรถระหว่างทางบ่อยเกินไปจนทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น
4. จองสถานีชาร์จรถไฟฟ้าล่วงหน้า เพื่อป้องกันปัญหา
ปัจจุบันผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สามารถจองการใช้งานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่าย ๆ ผ่านทาง Application ที่จะมีข้อมูลสถานีชาร์จที่ใกล้เคียง พร้อมกับบอกข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ของจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาการหาที่ชาร์จในระหว่างเดินทาง อาจเปลี่ยนมาเป็นการจองการใช้สถานีชาร์จผ่านทางแอปได้เลย เช่นเดียวกับทาง Application Evolt ที่ก็เปิดให้ผู้ใช้รถใช้ถนน สามารถจองสถานีชาร์จได้ล่วงหน้า แถมยังสามารถ ค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่ใกล้เคียงได้ง่าย ๆ ภายในแอปเดียว
5. เหนื่อยนักพักก่อน ด้วยการเลือกที่พักที่มีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในตัว
นอกจากการหาสถานีชาร์จรถ EV หรือการจองการใช้บริการสถานีชาร์จล่วงหน้าผ่านทาง Application แล้ว ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังสามารถพักเหนื่อยจากการขับรถได้ ด้วยการใช้บริการสถานที่พักที่มีจุดชาร์จรถไฟฟ้าภายในตัวได้ด้วย เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือว่าหากเป็นการเดินทางไกลมาก ๆ แล้วต้องการพักค้างคืนตามจังหวัดต่าง ๆ ก็อาจเลือกใช้บริการโรงแรมที่มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในตัว
ซึ่งข้อดีของการเลือกใช้บริการ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่มีให้บริการภายในโรงแรมหรือที่พักนั้น โดยส่วนมากแล้วสามารถชาร์จไฟได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถชาร์จไฟในระหว่างที่เข้าพักได้เลย ไม่ต้องนั่งรอเหมือนกับการชาร์จตามจุดชาร์จรถ EV ระหว่างทาง เรียกว่า เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้าพักได้ด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไกลหลาย ๆ ชั่วโมงติดต่อกัน หรือว่าผู้ที่ต้องการขับรถเที่ยวชิล ๆ ค่ำไหนนอนนั่น เน้นเดินทางสบาย ๆ กินลมชมวิวไปในวันหยุดปีใหม่นี้โดยเฉพาะ
จบปัญหาหาที่ชาร์จไม่ได้ช่วงปีใหม่ 2566 แค่เลือกใช้ Application Evolt
สำหรับผู้ที่ใช้รถ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องการเดินทางไกลในช่วงปีใหม่ 2566 นี้ หรือว่าเป็นช่วงวันหยุดยาวในฤดูกาลอื่น ๆ ที่ไม่อยากเผชิญกับปัญหาการหาที่ชาร์จรถไฟฟ้าในระหว่างเดินทาง หรือว่าการเจอปัญหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ เพียงดาวน์โหลด Application Evolt ก็สามารถค้นหาสถานีชาร์จได้ง่าย ๆ รวมถึงการแสดงพื้นที่ให้บริการที่ใกล้เคียงตามพื้นที่ที่คุณอยู่
นอกจากนี้ ยังจ่ายค่าบริการได้ผ่านทางแอป ด้วยการเติมเงินเข้าระบบบัญชีสมาชิก หรือจะเลือกใช้บริการจ่ายเงินค่าชาร์จรถไฟฟ้าผ่านทางบัตรอีโวลท์ก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน และที่ขาดไม่ได้คือ การใช้งานแอปพลิเคชันของทางอีโวลท์ ยังทำให้คุณสามารถตรวจเช็กอัตราค่าบริการ ว่าค่าชาร์จไฟตามสถานีต่าง ๆ มีราคาและอัตราค่าบริการเท่าไหร่บ้าง แล้วหัวชาร์จมีประเภทใดให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น AC Charging และ DC Charging